"แมทธิว"โพสต์ติด"โควิด-19"เพื่อนดาราร่วมงานผวา
"บอม ธนิน-หนูเล็ก ก่อนบ่าย"เช็คหาเชื้อ-กักตัว "ช่อง 3" สั่งพนักงานใกล้ชิดหยุดงาน14วัน-พ่นยาฆ่าเชื้อตึก ส่วนสนามมวยราชดำเนินปิด 14 วัน สธ.พบป่วยเพิ่มอีก 5 ราย "บิ๊กป้อม"สั่งหามาตรการเข้มสกัดระบาดสงกรานต์
สถานการณ์ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ที่ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทำให้ประชาชนวิตกกังวลท่ามกลางมาตรการของรัฐบาลที่พยายามสกัดกั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 มีนาคม นักแสดง-พิธีกรชื่อดัง นายแมทธิว ดีน ประกาศผ่านโซเชียลว่า “ติดเชื้อโควิด-19”
โพสต์คลิปวิดีโอแจ้งว่า “อยากจะแจ้งให้ทุกคนทราบ ยิ่งคนที่ใกล้ชิดผม และได้สัมผัสผมในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา ว่าผมเป็นโควิด-19 ครับ ไวรัสที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในประเทศไทยและทั่วโลกตอนนี้ ยังไงผมจะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติม หลังจากมีข้อมูลเพิ่มเติม แต่ยังไงก็แจ้งไว้สั้นๆ ก่อนแล้วกันนะครับ” พร้อมแคปชั่นว่า “ไม่ได้ล้อเล่นครับ ใครที่สัมผัสผมในช่วงสามสี่วันที่ผ่านมาเฝ้าดูอาการนะครับ เดี๋ยวจะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติม” ซึ่งถือเป็นดาราไทยรายแรกที่ประกาศว่าติดเชื้อโควิด-19
ผู้สื่อข่าว “คมชัดลึก” ได้ติดต่อสอบถามไปยังนักแสดงหนุ่ม ได้รับคำตอบว่า “ตอนนี้ขอยังไม่ตอบอะไร เพราะภรรยาจะเป็นคนออกมาแถลงชี้แจงรายละเอียดเร็วๆ นี้ ตอนนี้กักตัวเองแยกออกจากคนอื่นตั้งแต่รู้สึกว่ามีอาการ และได้ไปตรวจเชื้อ จนวันนี้ได้รับแจ้งผลว่าติดเชื้อ ซึ่งทันทีที่ทราบก็ออกมาประกาศทันที เพื่อให้คนที่ได้พบกันช่วง 3-4 วันที่ผ่านมาได้ไปตรวจร่างกายและเฝ้าระวัง และขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง"
มีรายงานแจ้งว่า แมทธิวอาจติดไวรัสมาจากตอนเป็นพิธีกรสนามมวย
ต่อมา นางภัทรวดี จันทพันธ์ หรือ “หนูเล็ก ก่อนบ่าย” ได้อัพเดทคลิปผ่านอินสตาแกรมว่า ช็อกมากหลังทราบข่าวแมทธิว เพราะเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเพิ่งได้ร่วมงานกัน พร้อมกับร้องไห้เป็นห่วงลูกชายที่กำลังเล็ก อย่างไรก็ตามคลิปดังกล่าวได้ถูกลบไปแล้ว จากนั้นหนูเล็กได้อัพเดทอีกครั้งว่า กำลังขับรถไปโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 พร้อมทั้งขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้เธอด้วย
ด้านนายเดชา โคนาโล หรือ “เจ๋ง” นักร้องนำวง “บิ๊กแอส” โพสต์เฟซบุ๊กว่า เนื่องจากข่าวที่ออกมาว่าพี่เเมทธิวติดเชื้อโควิด-19 ผมเองก็ไปซ้อมมวยที่ค่ายมวยของพี่เเมทธิวครับ ตอนนี้ผมร่างกายปกติไม่มีไข้ยังไม่มีอาการผิดปกติอะไรครับ เเละกำลังไปตรวจหาเชื้อเพื่อเป็นการรับผิดชอบต่อสังคม ผมจะกักตัวเอง 14 วันครับ เเละถ้ามีความคืบหน้ายังไงผมจะรีบเเจ้งให้ทราบครับ
เช่นเดียวกับ ดาราชื่อดัง "บอม ธนิน" ก็ได้โพสต์ในอินสตาแกรมว่า กำลังจะเดินทางไปตรวจเชื้อโควิด-19 ด้วยเช่นกัน 2 วันที่แล้ว (พุธที่ 11/3/20) ผมเพิ่งถ่ายรายการร่วมกับพี่แมททิวมา ไปตรวจก่อนนะครับ เดี๋ยวจะมารายงาน
ขณะเดียวกัน นายสกล (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี เซียนมวย ก็โพสต์ข้อความว่า ติดโควิด-19 ใครมีไข้ก็รีบไปหาหมอ ใครที่เข้ามาดูมวย คือสุ่มเสี่ยงสูงมาก
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า เรื่องนี้ทางเจ้าพนักงานต้องติดตามข้อมูลตรวจสอบว่าป่วยจริงหรือไม่ เพราะหน้ากากที่สวมและชุดที่สวมใส่ไม่ใช่ชุดของสถานพยาบาล หากป่วยก็ต้องได้รับการดูแล ส่วนเรื่องการโพสต์สามารถทำได้เพราะเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่หากไม่ป่วยอาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะเท่ากับเป็นการให้ข้อมูลเท็จสร้างความตื่นตระหนกและความปั่นป่วนในสังคม
ขณะที่ สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 แจ้งว่า หลังจากทราบว่า นายแมทธิว ดีน เป็นผู้ติดเชื้อ ทางบริษัทได้มีประกาศให้พนักงานที่ได้มีปฏิสัมพันธ์และทำงานร่วมกับแมทธิวในช่วงที่ผ่านมากลับบ้านทันที โดยให้เฝ้าดูอาการและทำงานจากบ้าน 14 วัน สั่งปิดชั้นที่แมทธิวได้ไปปฏิบัติงานและพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทั้งชั้นทันที รวมถึงปิดไม่ให้ใช้ไปอีก 2 สัปดาห์ อีกทั้งพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อสำนักงานทั้งหมดในพื้นที่ส่วนกลาง ทางเดิน รวมถึงห้องน้ำและลิฟต์ภายในอาคารมาลีนนท์ทาวเวอร์ทั้งหมดในสุดสัปดาห์นี้
เช่นเดียวกับเพจเฟซบุ๊ก “Rajadamnern Stadium” หรือสนามมวยราชดำเนิน ได้โพสต์ข้อความ “ปิดสนามมวยราชดำเนิน ปิดให้บริการเบื้องต้น 14 วันเพื่อเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19” จากกรณีแฟนมวยที่กำลังเป็นข่าวในขณะนี้ และได้มาชมการแข่งขันมวยไทยที่สนามมวยราชดำเนิน จึงขอประกาศปิดให้บริการ 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 15–28 มีนาคม เพื่อฉีดยาฆ่าเชื้อและทำความสะอาดครั้งใหญ่
พบป่วยเพิ่ม5รายไปเที่ยวผับ
ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดสธ. แถลงสถานการณ์ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ว่า พบผู้ป่วยยืนยันเพิ่มขึ้น 5 ราย เป็นการป่วยแบบกลุ่มก้อน เนื่องจากมีผู้ป่วยยืนยันในวันที่ผ่านมา(12 มี.ค.) แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ผู้ป่วย 11 ราย ที่สังสรรค์ร่วมกัน ซึ่งได้แถลงไปแล้ว จากการเฝ้าระวังพบว่ามีการติดเชื้อจากกลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้น 2 ราย เป็นครอบครัวที่เฝ้าระวังอยู่ อีกกลุ่มติดเชื้อเพิ่ม 3 ราย เป็นการติดจากหญิงสาวที่เดินทางกลับจากไปเสริมความงามที่เกาหลีใต้ เป็นผู้ป่วยรายที่ 57 โดยพบว่าหญิงสาวรายดังกล่าวไปกินเลี้ยงกับกลุ่มเพื่อนในผับ โดยพบว่าเพื่อนในกลุ่ม 2 ราย มีไข้ ไอ ดื่มเหล้าแก้วเดียวกัน อยู่ใกล้ชิดในผับ และอีกคนเป็นน้องชายที่อยู่บ้านเดียวกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามเพื่อนอีก 8 คน ว่ามีอาการหรือไม่ ทำให้ยอดรวมผู้ป่วยถึงวันที่ 13 มีนาคม มีผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 75 ราย
เตรียม“รพ.เอกชน-คลินิก”
ด้าน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เปิดเผยว่า เพื่อเตรียมความพร้อมสถานพยาบาลเอกชนในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงจัดทำประกาศกระทรวงสาธารณสุข 2 ฉบับขึ้น โดยมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ได้แก่ 1.เรื่องกำหนดผู้ป่วยฉุกเฉินโควิด-19 จะต้องได้รับการรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉินจากสถานพยาบาลตามมาตรา 36 พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 สถานพยาบาลต้องควบคุมและดูแลให้มีการช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วย ห้ามปล่อยปละละเลย ปฏิเสธการรักษา และห้ามมิให้ผู้ป่วยเดินทางไปรับการรักษาต่อโรงพยาบาลอื่นด้วยตนเอง
2.เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้ป่วย โดยสถานพยาบาลต้องจัดให้มีหน่วยคัดกรองและดำเนินการใดๆ เพื่อควบคุม ระงับ หรือบรรเทาอันตราย พร้อมแจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อหากเป็นสถานพยาบาลประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน (โรงพยาบาล) จะต้องจัดให้มีการเก็บตัวอย่างส่งตรวจจากผู้ป่วยและส่งไปยังห้องปฏิบัติการ แต่หากเป็นสถานพยาบาลประเภทที่ไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน (คลินิก) จะต้องแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลอื่นที่มีศักยภาพโดยทันที ทั้งนี้หากสถานพยาบาลใดฝ่าฝืนจะถือว่ามีความผิด สบส.จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด เพื่อให้สถานพยาบาลได้เข้ามามีส่วนร่วมในการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ด้าน พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า กรมอนามัยได้ออกประกาศเรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และมาตรการป้องกันความเสี่ยงสำหรับสถานที่ราชการ สถานที่ทำงานเอกชน และสถานประกอบกิจการ พ.ศ.2563 เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยให้ถือปฏิบัติคือควบคุมเกี่ยวกับสุขลักษณะอาคารและอุปกรณ์เครื่องใช้ที่มีอยู่ในอาคาร โดยให้มีการทำความสะอาดและให้จัดเตรียมแอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือไว้ในบริเวณพื้นที่ส่วนกลาง รวมถึงบริเวณอ่างล้างมือและห้องสุขา ส่วนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานโดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการสัมผัสต้องมีการป้องกันตนเองโดยอาจใช้หน้ากากผ้าและผู้ครอบครองอาคารควรจัดหาสื่อประชาสัมพันธ์หรือช่องทางให้ความรู้ในการป้องกันและการลดความเสี่ยงการแพร่กระจายเชื้อไวรัส
บิ๊กป้อมห่วงระบาดสงกรานต์
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ (นปถ.) โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในช่วงมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยอมรับว่าเป็นห่วงในเรื่องนี้จึงได้เรียกประชุมหามาตรการป้องกัน ซึ่งทางตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเสนอมาตรการในที่ประชุมเกี่ยวกับเรื่องการเดินทางเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส ซึ่งต้องรอความชัดเจนภายหลังการประชุม
พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนาวาโทสุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผอ.สนามบินสุวรรณภูมิ ยื่นใบลาออกเนื่องจากท้อแท้กับการรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เป็นไปด้วยความยากลำบากในทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่น อีกทั้งเจ้าหน้าที่สนามบินถูกตัดโควตาหน้ากากอนามัยว่า ขณะนี้เขาเพียงยื่นใบลาออกแต่ยังไม่มีการอนุมัติ ต้องมาพูดคุยกันในรายละเอียดก่อน เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของการทำงาน ไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยว่ากัน
ด้าน พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ข้อห่วงใยจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) เกี่ยวกับโอกาสการติดเชื้อในช่วงเทศกาลตามพื้นที่เสี่ยงที่มีประชาชนไปอยู่จำนวนมาก เช่น ท่ารถโดยสาร ปั๊มน้ำมันหรือร้านอาหาร เป็นต้น โดยจะมีการกำหนดมาตรการตามคำแนะนำของ สธ. และจะมีการประชาสัมพันธ์แจ้งให้ประชาชนทราบเพื่อให้มีความปลอดภัยต่อไป
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเทศกาลสงกรานต์ รัฐบาลขอเชิญชวนประชาชนไปไหว้พระที่วัด เคารพผู้สูงอายุ แทนการสาดน้ำ โดยบริเวณวัดจะมีการดูแลความสะอาดเป็นอย่างดี
ด้านนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา แถลงว่าในส่วนกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้ประกาศยกเลิกอีเวนท์ช่วงสงกรานต์ไปหมดแล้ว ส่วนเอกชนที่จัดกันเองเราขอความร่วมมือว่าขอให้เลื่อนหรือยกเลิกการจัดไป ขณะที่การแข่งขันกีฬาได้มีการเลื่อนเช่นกัน ประเภทที่ไม่สามารถเลื่อนได้ก็ให้จัดโดยไม่มีผู้ชม
บิ๊กตู่ขอร่วมมือฝ่าวิกฤติชาติ
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ได้ออกสารนายกรัฐมนตรีกรณีสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 และสถานการณ์สำคัญอื่นๆ ที่มีผลกระทบต่อประเทศไทย เช่น ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาการว่างงาน ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ดังนั้นในห้วงเวลานี้เราจึงควรที่จะร่วมมือ รักสามัคคีกัน เพื่อฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้ สำหรับเรื่องมาตรการรองรับการระบาดโควิด-19 รัฐบาลจำเป็นต้องนำข้อมูลจากต่างประเทศและแนวทางการปฏิบัติที่เป็นสากล และข้อมูลต่างๆ ในประเทศมาพิจารณาร่วมกัน มีองค์ประกอบหลายอย่างหลายมิติที่ต้องช่วยกันแก้ไข ทุ่มเท เสียสละ ทั้งองค์กรภาครัฐ ภาคประชาสังคม ภาคธุรกิจ ภาคประชาชน ภาคสื่อมวลชน สื่อสังคมออนไลน์ ต้องขอความกรุณาทุกส่วนช่วยกันหาทางออกให้ประเทศ ด้วยความเข้าใจใคร่ครวญ คิดวิเคราะห์ รับฟังและเชื่อมั่น เรื่องใดที่เป็นปัญหารัฐบาลก็กำลังดำเนินการแก้ไข แต่หากยังคงมีการให้ข่าวบิดเบือนให้ร้ายป้ายสีกันโดยจับแต่ประเด็นย่อยๆ ในขณะที่ส่วนราชการกำลังทำงานใหญ่แก้ไขปัญหาให้ประชาชนอยู่ ถึงแม้อาจสร้างความลำบากให้แก่ภาครัฐในการปฏิบัติงานบ้าง แต่แน่นอนยังคงต้องขับเคลื่อนทุกกลไกให้เกิดการประสานสอดคล้องซึ่งกันและกัน รัฐบาลมีหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและมาตรการลงไป
ดังนั้นอยากจะขอร้องว่าถ้าอยากจะสื่อความหรือวิพากษ์วิจารณ์ก็ขอให้เป็นเรื่องๆ อย่างครบถ้วนทุกมุม เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด ไม่ใช่เอาแต่มองว่าล้มเหลวไปเสียทั้งหมด หรือรัฐบาลไม่มีความสามารถบ้าง ทุกคนควรต้องพิจารณาไตร่ตรองดูว่าขณะนี้สถานการณ์เป็นอย่างไร เปรียบเทียบประเทศไทยกับประเทศอื่นๆ ที่กำลังเผชิญปัญหาเดียวกัน หากเสนอหนทางปฏิบัติที่เหมาะสมที่รัฐบาลสามารถนำมาใช้ได้ก็จะเป็นประโยชน์
เรื่องเศรษฐกิจไทย รัฐบาลยืนยันจะดูแลประชาชนอย่างดีที่สุด อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนทุกคนให้ความร่วมมือในการทำงานของรัฐบาลและส่วนราชการ เรื่องการระบาดของโควิด-19 อย่าได้ตื่นตระหนก มีสติ ระมัดระวัง รับผิดชอบรักษาสุขภาพตนเอง ผู้อื่นและสังคม รัฐบาลขอให้ความเชื่อมั่นว่าเราทุกคนจะฝ่าฟันวิกฤติต่างๆ ไปได้
หมอแถลงการณ์ไม่ยอมจำนน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล นายกสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ออกแถลงการณ์เรื่อง “แด่นักรบในเสื้อกาวน์ ที่จะต้องรับมือผู้ป่วยติดเชื้อ COVID-19 อาการรุนแรง” ใจความสรุปว่า สมาคมได้พยายามผลักดันการเตรียมความพร้อมในเชิงการบริหารจัดการผ่านทางหน่วยงานต่างๆ แต่ยังไม่ดีพอที่จะรับมือในสถานการณ์ของโรคระยะที่ 3 นั้น โรงพยาบาลของรัฐและเอกชนทุกแห่งจำเป็นที่จะต้องจัดเตรียมให้พร้อม โดยสมาคมได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว เป็นอีกครั้งหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่ากลไกของรัฐที่จะตอบสนองต่อภาวะวิกฤติของประเทศมักจะตามหลังสถานการณ์จริงอย่างน้อยหนึ่งก้าวเสมอ
แต่นั่นไม่ได้ทำให้จิตวิญญาณของพวกเราเหล่าวิชาชีพแพทย์และวิชาชีพอื่นที่เกี่ยวข้องจะยอมจำนนให้กับศัตรูตัวจิ๋วที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าโดยง่าย และพวกเราก็จะไม่ยอมก้มหัวให้กับผู้รับผิดชอบระดับสูงที่ขาดความเชี่ยวชาญและเข้าใจบริบทการทำงานของพวกเราอย่างถ่องแท้ ได้เวลาแล้วที่พวกเราต้องเตรียมทำศึกแม้จะไม่มีอาวุธที่มีประสิทธิภาพและแม่ทัพที่เด็ดขาดเข้มแข็ง สิ่งหนึ่งที่จะช่วยยึดเหนี่ยวอุดมการณ์ของพวกเราไว้ได้ในสถานการณ์เช่นนี้ คือคำสอนของสมเด็จพระบรมราชชนก ผู้ก่อกำเนิดการแพทย์แผนใหม่ในประเทศสยาม “ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจหนึ่ง”
โต้เพจดังสร้างตื่นตระหนก
พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ โฆษกกองทัพเรือ ชี้่แจงกระแสข่าวกองทัพเรือสั่งกักตัว เรือเอก ระพีพงษ์ สงวนศิลป์ ผู้บังคับการเรือหลวงวังใน พร้อมกำลังพล กองโรงงานอิเล็กทรอนิกส์ที่ 2 กรมอิเล็กทรอนิกส์ทหารเรือทหารเรือ รวม 8 นาย เนื่องจากมีความเสี่ยงติดไวรัสโควิด-19 ว่า เป็นข่าวมั่วและเกินจริง กำลังพล 7 นายที่กักตัวอยู่ภายในที่พักเป็นเวลา 15 วัน เป็นไปตามมาตรการเฝ้าระวังการติดเชื้อ เนื่องจากทั้งหมดกลับมาจากการไปราชการต่างประเทศ ซึ่งต้องกักตัวรอดูอาการเหมือนประชาชนทั่วไปที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ส่วนกรณีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อบนเรือหลวงวังใน ก็เป็นไปตามมาตรการป้องกัน เนื่องจากคนในครอบครัวผู้บังคับการเรือฯ มีอาการไข้ หลังไปใกล้ชิดกับคนต่างชาติ(เมียนมาร์) แต่เมื่อไปตรวจอย่างละเอียดก็ไม่พบเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด พร้อมตำหนิเพจดัง CSI LA เสนอข้อมูลว่า กองทัพเรือโดนพิษโควิด-19 ว่าไม่ตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนก่อนนำเสนอจนทำให้เกิดความตื่นตระหนกต่อประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายริชาร์ด แบโรล บล็อกเกอร์ชาวอังกฤษที่อยู่อาศัยในประเทศไทย ได้โพสต์ทวิตเตอร์พร้อมกับเผยแพร่จดหมายที่โรงเรียนนานาชาติ ย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี ชี้แจง ครู นักเรียนและผู้ปกครองนักเรียนทราบ กรณีการพบเชื้อไวรัสโควิด-19 ภายในพื้นที่พร้อมกับประกาศปิดโรงเรียนแล้ว โดยจดหมายของโรงเรียนที่แจ้งผู้ปกครองได้ระบุว่า ผู้ป่วยมีอาการเมื่อวันจันทร์ที่ 9 มีนาคม จากนั้นช่วงกลางคืนวันที่ 10 มีนาคม ไปโรงพยาบาลตรวจหาเชื้อ ทราบผลติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 12 มีนาคม โดยประวัติของผู้ติดเชื้อเป็นเด็กนักเรียน และครอบครัว ไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศในกลุ่มเสี่ยงแต่อย่างใด โรงเรียนสันนิษฐานว่าน่าจะติดเชื้อในประเทศไทย โดยนักเรียนและคนในครอบครัวทั้งหมดไม่มีอาการใดๆ ทุกคนในบ้านที่ไม่ติดเชื้อได้กักตัวอยู่ในบ้านเพื่อเฝ้าดูอาการแล้ว ทั้งนี้โรงเรียนได้ประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงศึกษาธิการแล้ว
มาตรการทุกกลุ่มมีออกอีก
นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง กล่าวในรายการ “คม ชัด ลึก” ทางเนชั่นทีวีช่อง 22 ถึงมาตรการด้านเศรษฐกิจเพื่อช่วยเหลือผลกระทบไวรัสโควิด-19 ว่า รัฐบาลทุ่มสรรพกำลังเต็มที่ ในด้านเศรษฐกิจจำเป็นเพราะมีผลกระทบเป็นลูกโซ่ ซึ่งไวรัสมาตอนต้นปีที่ปัญหาเศรษฐกิจโลกยังมีอยู่ตามมาด้วยปัจจัยใหม่คือโควิด-19 ทั้งนี้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวก็คาดกันว่าจะมีเม็ดเงินหายแสนล้านบาทยังไม่รวมภาคผลิตและภาคบริการอื่น ส่วนมาตรการแจกเงินสองพันบาทถูกวิจารณ์นั้น ทั้งนี้รัฐบาลทำมาตรการก็ต้องตอบโจทย์ คือ 1.รายได้เงินเข้ากระเป๋า 2.บรรเทาลดภาระค่าใช้จ่ายประจำ และมาตรการต้องออกให้ทันการณ์เป็นมาตรการชั่วคราวส่งผลต่อเศรษฐกิจได้และช่วยคนทุกกลุ่ม แต่รัฐบาลก็พร้อมน้อมรับทั้งก้อนอิฐและดอกไม้
ทั้งนี้ เราก็มาพิจารณาปรับเปลี่ยนว่ารายได้สองพันบาทเข้ากระเป๋ายังรอได้และทำเป้าหมายให้ชัดเจนรอบคอบครอบคลุมไปถึงมนุษย์เงินเดือนด้วย ซึ่งในอดีตอาจเป็นกลุ่มเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย แต่ผลกระทบจากไวรัสโดนทุกกลุ่ม เราจึงต้องให้ครอบคลุม อย่างไรก็ตามเราติดตามสถานการณ์ไวรัสตลอดและมีการคิดมาตรการเป็นชุดๆ ออกมาให้เหมาะสมยืนยันท่ามกลางวิกฤตินี้สถานะการคลังเรายังมั่นคงและเราสามารถยืดหยุ่นได้เรามีหลังพิงกำแพงแน่นอน และการออกมาตรการทุกชุดคำนึงถึงวินัยการเงินการคลังตามกฎหมายด้วย สำหรับมาตรการช่วยเอสเอ็มอีที่เป็นรายย่อยรายเล็กรายกลางเราก็ให้วงเงินช่วยเหลือที่เหมาะสมและเป็นกลุ่มที่จำเป็นต้องช่วยเพราะไม่อยากให้ปลดพนักงานเอาคนออก