ม้วนเดียวจบ เหยื่อแฉอีกพิรุธ "แม่ปุ๊ก" วางยาลูกขอเงินบริจาค
หนึ่งในผู้เสียหายร่ายยาวมหากาพย์ "แม่ปุ๊ก" วางยาลูก "น้องอมยิ้ม-น้องอิ่มบุญ" อ้างป่วยหนักเรียกสงสารขอเงินบริจาค ซ้ำหลอกขายสินค้าบนโซเชียล ก่อนความแตกถูกตำรวจบุกจับ
จากกรณีตำรวจกองบังคับการปราบปรามนำกำลังเข้าจับกุม น.ส.นิษฐา หรือ แม่ปุ๊ก อายุ 29 ปี ได้ที่บ้านพักแห่งหนึ่งในซอยเทิดราชัน 13 ถ.เทิดราชัน แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กทม. เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากพบว่ามีพฤติกรรมต้องสงสัยว่า น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการทำให้ ด.ช.อิ่มบุญ อายุ 2 ขวบ ซึ่งเป็นบุตรแท้ๆ และ ด.ญ.อมยิ้ม อายุ 4 ขวบ (บุตรบุญธรรม) ล้มป่วยด้วยอาการผิดปกติ เพื่อสร้างเรื่องให้ดูน่าสงสารในการหลอกเอาเงินจากคนอื่น จนทำให้ ด.ญ.อมยิ้ม เสียชีวิต
ส่วน ด.ช.อิ่มบุญ ขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว แต่ยังคงต้องอยู่ในความดูแลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ทั้งนี้ผลการตรวจวินิจฉัยของแพทย์พบสารเคมีฤทธิ์ออกฤทธิ์เป็นกรด คล้ายกับสารเคมีที่เป็นส่วนผสมของน้ำยาล้างห้องน้ำ หรือน้ำยาซักฟอก ในร่างกายจำนวนมาก จนทำให้อวัยวะภายในเสียหายนั้น
วันที่ 23 พฤษภาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.เอ (นามสมมติ) หนึ่งในผู้ที่เคยบริจาคช่วยเหลือลูกของแม่ปุ๊ก ซึ่งเป็นคนที่เริ่มสงสัยว่ามีการวางยาลูก เปิดเผยว่า ตนรู้จักแม่ปุ๊กในเฟซบุ๊ก เพราะมีคนมาโพสต์เรื่องราวในเพจแม่และเด็ก ถึงเรื่องว่าน้องอมยิ้มป่วยไม่สบาย ตั้งแต่กลางปี 61 จากโรคประหลาด เป็นโรคที่หายาก และค่ารักษาพยาบาลแพงมาก จึงต้องมีการเปิดรับบริจาค ตนก็ได้โอนเงินบริจาคครั้งละ 500-1,000 บาท หรือทุกครั้งที่แม่ปุ๊กขอก็จะโอน รวมถึงการช่วยแม่ปุ๊กซื้อของให้น้องอมยิ้มก็จะโอนให้ตลอด ซึ่งก็มีคนอื่นทั่วประเทศให้อีกเยอะมาก เพราะอาการของน้องอมยิ้มเป็นอาการที่พบได้น้อยมาก เป็น 1 ในล้าน โดยจะมีอาการอ้วกเป็นเลือด และอาเจียนบ่อย ตนเห็นว่าน้องอมยิ้มต้องเข้าห้องไอซียูบ่อยก็สงสารจึงได้ช่วยเหลือไป
น.ส.เอ เปิดเผยต่ออีกว่า ต่อมาน้องอมยิ้มเสียชีวิตในปี 2562 ตนก็ได้ไปร่วมงานศพน้อง และเริ่มสงสัยว่าในรูปของน้องอมยิ้มไม่มีชื่อ ไม่มีวันเกิด วันเสีย มีแต่รูปเฉยๆ รวมถึงสาเหตุการเสียชีวิต แต่ตนก็ไม่กล้าถามเพราะแม่ปุ๊กยังเสียใจอยู่ หลังน้องอมยิ้มเสียได้ไม่กี่เดือน ต้นเดือนมกราคม 2563 แม่ปุ๊กได้โพสต์ลงไปในเฟชบุ๊กอีกว่า "เกิดเรื่องช็อคน้องอิ่มบุญอ้วกเป็นเลือด ต้องเข้า รพ.กะทันหัน ต้องเข้าห้องไอซียู เมื่อหมอตรวจสอบพบว่าเป็นโรคเดียวกับน้องอมยิ้ม และมีอาการอ้วกเป็นเลือดเหมือนกัน" ตนก็เริ่มสงสัยเพราะเคยเห็นน้องอิ่มบุญในงานศพน้องอมยิ้ม ก็เห็นว่าน้องอิ่มบุญแข็งแรงดี ไม่น่าจะป่วยได้
ทางด้าน น.ส.เบญ (นามสมมติ) ได้เผยว่า ตนสงสัยทำไมถึงเป็นโรคเดียวกันซ้ำสอง ทั้งที่หมอก็บอกว่าเป็นหนึ่งในล้าน เมื่อเริ่มสงสัยก็เลยไปโพสต์ลงเฟซบุ๊กกว้างๆว่า "มีคนที่เอาลูกป่วยมาหากิน" แล้วอยู่ๆคนในหมู่บ้านเดียวกันกับแม่ปุ๊กก็ได้แอดเฟซบุ๊กมาหาตนโดยบอกเล่าว่าแม่ปุ๊กเป็นอย่างไร ข้อมูลนั้นจึงเอามาประกอบกับที่เคยสั่งของจากแม่ปุ๊ก แล้วแม่ปุ๊กปิดเฟซบุ๊กหนี ประกอบกับข้อมูลจากคนที่เคยเจอในงานศพน้องอมยิ้ม เขาก็บอกว่าคนนี้น่าจะเป็นมิจฉาชีพ เขาเคยสั่งของแล้วไม่ได้ของ เคยโกงลูกค้าแมสก์เป็นหลักแสน สั่งซื้อเครื่องวัดอุณหภูมิก็ไม่ได้ โกงออมเงิน โกงออมทอง เคยถูกโพสต์ในเพจแม่และเด็กว่าโกงค่านมเด็กป่วยด้วย และเคยเปลี่ยนชื่อและนามสกุลมาแล้วหลายครั้ง ก็ทำให้ตนยิ่งสงสัย แล้วได้ประติดประต่อเรื่องว่า แม่ปุ๊กน่าจะวางยาลูก จึงโพสต์ข้อความลอยๆอีกครั้งว่า "วางยาลูก" โดยไม่ได้เอ่ยชื่อใคร แต่เพื่อนเขามาเห็น แล้วแม่ปุ๊กก็ได้ไปแจ้งความว่าตนหมิ่นประมาทไว้ที่ สน.ดอนเมือง
"เมื่อตนโพสต์ข้อความนั้นจึงกลายเป็นประเด็นขึ้นมา ทางกองปราบฯจึงเข้ามาดูคดี ตรวจสอบเส้นทางการรับบริจาคเงินของน้องอมยิ้ม บัญชีที่รับริจาคมีชื่อ เอ็ม อัจฉณา เขาก็บอกกับทางกองปราบฯว่าเป็นแม่ตัวจริงของน้องอมยิ้ม ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโกง แต่เปิดบัญชีไว้ให้น้องอมยิ้ม ซึ่งเอ็ม อัจฉณา มีลูกทั้งหมด 3 คน ตนโตคือน้องอมยิ้ม แม่ปุ๊กขอเลี้ยงตั้งแต่อายุได้ 4 วัน คนที่ 2 ได้ให้คนที่ จ.ชลบุรี เอาไปเลี้ยง ส่วนคนที่ 3 ได้ให้ยายไปเลี้ยง ซึ่งเอ็ม อัจฉณา อ้างกับตำรวจว่า ไม่รู้ว่าลูกตัวเองเสียชีวิตแล้ว"
น.ส.เบญ เปิดเผยต่ออีกว่า จากการตรวจสอบของตำรวจ พบสารเคมีในร่างกายน้องอิ่มบุญ ที่มีส่วนประกอบในน้ำยาล้างห้องน้ำ แต่ในส่วนของน้องอมยิ้มตนไม่รู้ พบแต่เพียงแผลอักเสบในท้อง แล้วก็ในหลอดอาหาร ตนก็สงสัยว่าทำไมเด็กทั้ง 2 คนถึงมีอาการคล้ายกับแบบนี้ และเขาก็ไม่พยายามเปลี่ยนโรงพยาบาล ในตอนนี้น้องอิ่มบุญปลอดภัยแล้ว ส่วนของแม่ปุ๊กปฏิเสธทุกข้อหา รับแค่เพียงข้อหาฉ้อโกงเท่านั้น ถ้าแม่ปุ๊กทำแบบนี้จริงๆ ตนคิดว่าเขาไม่น่าเอาชีวิตคนมาเป็นเครื่องมือหาเงินแบบนี้