นักวิจัยพบสเตียรอยด์ราคาถูก เดกซาเมทาโซน ช่วยผู้ป่วยโควิด-19 อาการหนักได้ -หมอสหรัฐยังกังขา
ผลวิจัยในอังกฤษชี้ว่า เดกซาเมทาโซน (Dexamethasone) กลุ่มสเตียรอยด์ที่ใช้กันแพร่หลายราคาไม่แพง ช่วยรักษาผู้ป่วยโควิด-19 อาการหนัก แต่หมอสหรัฐยังไม่แน่ใจขอดูงานวิจัยตอนตีพิมพ์
จนถึงขณะนี้โลกยังไม่พบวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพ หรือวัคซีนป้องโควิด-19 ที่คร่าชีวิตผู้ติดเชื้อเกือบ 4.4 แสนคนนับตั้งแต่เริ่มปรากฎครั้งแรกในจีนเมื่อธันวาคม แต่ล่าสุด นักวิจัยในสหราชอาณาจักร ทดลองพบว่า ยาเดกซาเมทาโซน ช่วยรักษาผู้ป่วยอาการหนักและต้องใช้เครื่องช่วยหายใจได้ โดยจากการสุ่มจ่ายยาเดกซาเมทาโซนในปริมาณต่ำ ให้แก่ผู้ป่วยที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ จำนวน 2,100 คน ติดต่อกัน 10วัน จากนั้น นำผลการวิจัยที่ได้ไปเทียบกับผู้ป่วยราว 4,300 คนที่มีอาการคล้ายกันและได้รับการรักษาแบบมาตรฐาน พบว่าการใช้ยาสเตียรอยด์ตัวนี้ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ถึง 1 ใน 3 แต่ผลวิจัยพบด้วยว่า ยาตัวเดียวกันใช้ไม่ได้ผลกับผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของปอด หรือผู้ที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องช่วยหายใจหรือการรับออกซิเจนเพิ่ม
หลังเปิดเผยผลวิจัยที่ผู้เกี่ยวข้องเชื่อว่า เป็นความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ครั้งสำคัญ รัฐบาลอังกฤษตัดสินใจอนุมัติการใช้ยาเดกซาเมทาโซนทันที สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการเช่นเดียวกันกับผู้ที่ร่วมทดลอง
เดกซาเมทาโซน เป็นยาที่มักใช้ในการรักษาโรคไขข้อ โรคภูมิแพ้รุนแรง โรคหอบหืด รวมทั้งอาการที่เกี่ยวเนื่องกับโรคมะเร็งบางประเภท โดยผู้ใช้ยาบางรายอาจประสบปัญหาผลข้างเคียง เช่น ท้องเสีย ปวดศีรษะ วิงเวียน นอนไม่หลับ หรืออาการซึมเศร้าได้
ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก กล่าวว่า นี่เป็นข่าวดีมาก และขอแสดงความยินดีกับรัฐบาลอังกฤษ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด รพ.และคนไข้ทั้งหลายในอังกฤษ ที่มีส่วนสนับสนุนความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เพื่อช่วยชีวิตผู้คน ขณะที่หมอบางคนในสหรัฐแสดงความเห็นอย่างระมัดระวังต่องานวิจัยที่ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการตรวจสอบโดยคณะผู้เชี่ยวชาญ (peer review ) เพื่อตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ หลังจากเมื่อไม่นานมานี้ วารสารการแพทย์ชั้นนำอย่าง เดอะ แลนเซ็ต เพิ่งประกาศถอนบทความเรื่องยาไฮดร็อกซีคลอโรควินที่ใช้ต้านโรคมาลาเรีย ว่าทำให้ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เสี่ยงเสียชีวิตออก เนื่องจากคณะผู้เขียนบทความกังวลเรื่องคุณภาพและความถูกต้องของข้อมูลในงานวิจัย
ดร.แคทริน ฮิบเบิร์ต ผู้อำนวยการแผนกดูแลผู้ป่วยหนัก รพ.แมตซาชูเสตส์ เจเนอรัล กล่าวว่า เราเคยผิดหวังมาก่อน ไม่ใช่เฉพาะช่วงไวรัสโคโรน่าระบาด แต่เคยเกิดมาตั้งแต่ก่อนโควิด-19 กับผลวิจัยอันน่าตื่นเต้นที่เมื่อเข้าถึงข้อมูลแล้วพบว่ายังไม่น่าเชื่อ เธอขอประเมินงานวิจัยเมื่อมีการตีพิมพ์เผยแพร่แล้ว เพื่อดูว่าคนไข้แบบไหนบ้างที่ได้ประโยชน์ที่สุดกับปริมาณยาเท่าไหร่ เธอคงมีความหวังมากทีเดียวหากว่าเป็นเรื่องจริง และจะถือว่าเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในการช่วยคนไข้ แต่เวลานี้จะยังไม่เปลี่ยนวิธีการรักษา
ขณะที่ดร.โทมัส แมคกินน์ รองหัวหน้าแพทย์ ของนอร์ทเวลล์ เฮล์ท เครือข่ายรักษาพยาบาลใหญ่ที่สุดในนิวยอร์ก กล่าวว่า ยาสเตียรอยด์กดระบบภูมิคุ้มกันได้ และปัจจุบัน แพทย์ใช้ยาสเตียรอยด์เป็นกรณีไป เขาต้องการข้อมูลจริง และรอดูว่าจะผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญและได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ได้หรือไม่