ข่าวดี ลิงสร้างภูมิคุ้มกันต่อโควิดหลังได้รับวัคซีนเข็มแรก เตรียมทดสอบในมนุษย์
รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม"สุวิทย์ เมษินทรีย์" เผย ข่าวดี!! ลิงสร้างภูมิคุ้มกันต่อโควิดหลังได้รับวัคซีนเข็มแรก คาดทดสอบในมนุษย์ ประมาณ ต.ค.-พ.ย.
ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) โพสต์เฟสบุ๊กถึงความคืบหน้าการทดลองทดสอบวัคซีน COVID-19 ว่า…
ข่าวดี!! ลิงสร้างภูมิคุ้มกันต่อโควิดหลังได้รับวัคซีนเข็มแรก ฉีดวัคซีนโควิด เข็มที่ 2 วันนี้ครับ
วันนี้ผมได้ร่วมแถลงข่าวผ่าน VDO Conference ถึงความคืบหน้าการทดลอง ทดสอบวัคซีน "โควิด-19" โดยได้มอบหมายให้ นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ร่วมกับนพ.นคร เปรมศรี ผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ นำคณะผู้เชี่ยวชาญและสื่อมวลชน ไปติดตามความคืบหน้าและตรวจสอบรายละเอียดของการทดสอบ เพื่อให้คำแนะนำและเตรียมรายละเอียดการดำเนินงานในขั้นต่อไปครับ
หลังจากได้ทดลองวัคซีน โควิด-19 โดยใช้สารพันธุกรรมของเชื้อ “ชนิด mRNA” ในลิง เข็มที่หนึ่ง ที่ศูนย์วิจัยไพรเมทแห่งชาติ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 23 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวัคซีนที่พัฒนา
โดยทีมนักวิจัยไทยของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยการสนับสนุนของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสถาบันวัคซีนแห่งชาติ พบว่าลิงทุกตัวมีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีผลข้างเคียงจากวัคซีน และเมื่อนักวิจัยได้ทำการเจาะเลือดของลิงมาทำการทดสอบการสร้างภูมิคุ้มกันหรือ antibody มีข่าวดีมากที่พบว่าลิงที่ได้รับวัคซีนสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ในระดับที่น่าพอใจ และจะฉีดวัคซีนกระตุ้น
เป็นเข็มที่สองในวันนี้ ( 22 มิ.ย 63) แล้วจะเจาะเลือดมาตรวจเป็นระยะ ซึ่งคาดว่าระดับภูมิคุ้มกันต่อเชื้อก่อโรคโควิด-19 จะระดับเพิ่มขึ้นในอีกประมาณสองสัปดาห์นับจากนี้ และจะฉีดเข็มที่สามต่อ
ไปในเดือน ก.ค. ขณะนี้การวิจัยและพัฒนาเป็นไปตามแผนงาน ซึ่งเมื่อวิเคราะห์ประเมินผลการทดสอบในลิงทั้งในด้านผลการกระตุ้นภูมิคุ้มกันและด้านความปลอดภัยเสร็จแล้วก็จะเข้าสู่การทดสอบ
ในมนุษย์ต่อไป โดย วช. ได้ตกลงให้ทุนวิจัยเพิ่มเติมอีกเพื่อให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยสามารถเริ่มสั่งผลิตวัคซีนชนิดนี้ให้พร้อมสำหรับทำการทดสอบในมนุษย์ไว้แล้ว หากเป็นไปตามที่คาดไว้จะทำ
การทดสอบในมนุษย์ได้ประมาณเดือน ต.ค. - พ.ย.ตามแผนครับ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายเพื่อให้คนไทยสามารถมีวัคซีนอย่างรวดเร็วเป็นลำดับแรกๆ เมื่อสามารถพัฒนาวัคซีนได้สำเร็จ โดยมอบให้ อว. และกระทรวงสาธารณสุข
ร่วมกันดำเนินงานในเชิงรุก ทั้งโดยการวิจัยและพัฒนาในประเทศ และร่วมมือกับต่างประเทศ รวมทั้งเตรียมการผลิตให้ทันท่วงทีและเพียงพอ ในขณะนี้ยังได้เจรจาหารือกับต่างประเทศในการร่วมวิจัย
ถ่ายทอดเทคโนโลยีและเตรียมการผลิตไว้ด้วยแล้วครับ