เร่งเคลียร์นานาชาติปม "แรงงานลิง" เก็บมะพร้าว
กระทรวงการต่างประเทศ มอบหมายสถานทูตไทยทั่วโลก เร่งชี้แจงนานาชาติ เคลียร์ปม "แรงงานลิง" เก็บมะพร้าว ยืนยันไทยไม่ใช้แรงงานสัตว์ในการค้า
เมื่อวันที่ 13 ก.ค.2563 นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลกเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับต่างประเทศ กรณี PETA นำเสนอรายงานเรื่องการที่ประเทศไทยใช้ลิงในการเก็บมะพร้าว
โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศได้สั่งการสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ของไทยให้ทำความเข้าใจกรณีดังกล่าว โดยเฉพาะต่อผู้บริโภคและผู้นำเข้าสินค้าไทย รวมทั้ง ให้ติดตามสถานการณ์ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ สถานทูตฯ นำข้อมูลการชี้แจงมาจากผลการประชุมเมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2563 ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานการหารือร่วมกับภาครัฐ เอกชน และเอ็นจีโอ ที่เกี่ยวข้อง โดยสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูปยืนยันว่าสมาชิกที่เป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์กะทิไทยไม่มีการใช้แรงงานลิงเก็บมะพร้าว และ 2 บริษัทที่ถูก PETA พาดพิง (บริษัท เทพผดุงพรมะพร้าวฯ และบริษัท ไทย อะกริฟู้ดส์ฯ) ได้จัดทำบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) กับผู้นำเข้าและผู้จัดจำหน่ายสินค้าไทยในต่างประเทศ เพื่อรับรองว่าปลอดการใช้ลิง รวมทั้งทำเอ็มโอยูกับล้ง และผู้ส่งผลผลิตว่า จะไม่รับซื้อมะพร้าวจากสวนที่ใช้แรงงานลิง โดยได้สุ่มตรวจล้งและสวนมะพร้าวเป็นระยะ
นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มความมั่นใจของผู้บริโภค ภาคเอกชนจะเพิ่มระบบตรวจสอบย้อนกลับบนบรรจุภัณฑ์ที่สามารถเช็คแหล่งที่มาวัตถุดิบถึงสวนมะพร้าว
ในส่วนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน ได้ขอให้ทีมประเทศไทยร่วมกันชี้แจงทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเอกอัครราชทูตฯ ได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นหารือกับฝ่ายสหราชอาณาจักรในโอกาสต่างๆ และ สคต. ณ กรุงลอนดอนได้มีหนังสือแจ้งผู้ประกอบการร้านค้าปลีกรายใหญ่ของสหราชอาณาจักร ทุกรายด้วยแล้ว รวมทั้งจะได้เข้าพบกับผู้บริหารธุรกิจร้านค้าและบริษัทผู้นำเข้ารายใหญ่เพื่อชี้แจงเพิ่มเติมด้วย
ในกรณีรายงานข่าวว่า ห้างสรรพสินค้าในเยอรมนีบางแห่งจะร่วมแบนกะทิจากไทย โดยเริ่มตั้งแต่เดือน ต.ค. 2563 นั้น สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน ได้ติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ และจะเดินหน้าชี้แจงภาคธุรกิจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเยอรมนีต่อไป
ในส่วนสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน ได้ขอให้ทีมประเทศไทยร่วมกันชี้แจงทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยเอกอัครราชทูตฯ ได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นหารือกับฝ่ายสหราชอาณาจักรในโอกาสต่างๆ และ สคต. ณ กรุงลอนดอนได้มีหนังสือแจ้งผู้ประกอบการร้านค้าปลีกรายใหญ่ของสหราชอาณาจักร ทุกรายด้วยแล้ว รวมทั้งจะได้เข้าพบกับผู้บริหารธุรกิจร้านค้าและบริษัทผู้นำเข้ารายใหญ่เพื่อชี้แจงเพิ่มเติมด้วย
นอกจากนี้ ในกรณีรายงานข่าวว่า ห้างสรรพสินค้าในเยอรมนีบางแห่งจะร่วมแบนกะทิจากไทย โดยเริ่มตั้งแต่เดือน ต.ค. 2563 นั้น สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเบอร์ลิน ได้ติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ และจะเดินหน้าชี้แจงภาคธุรกิจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเยอรมนีต่อไป