ข่าว

แม่สุดช้ำเข้าแจ้งความ หลังครูตั้งใจปิดประตูหนีบลูกชาย 3 ขวบจนนิ้วขาด แต่อ้างว่าลมพัด

30 ก.ย. 2563

แม่สุดช้ำเข้าแจ้งความ หลังครูตั้งใจปิดประตูหนีบลูกชาย 3 ขวบจนนิ้วขาด แต่อ้างว่าลมพัด เมื่อเปิดดูกล้องวงจรปิดจึงทราบความจริง

เชียงราย - กลายเป็นเรื่องราวที่โลกโซเชียลวิจารณ์อย่างดุเดือด กรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊กท่านหนึ่งโพสต์เล่าเหตุการณ์ที่คุณครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.เชียงราย ตั้งใจปิดประตูใส่เด็กอายุเพียง 3 ขวบ จนเด็กนิ้วขาด แต่กลับอ้างว่าลมพัดประตู 

โพสต์ดังกล่าวระบุข้อความว่า "ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับลูกคุณ หลานคุณ คุณจะเรียกร้องค่าเสียหายเท่าไหร่? #กับทางโรงเรียนและคุณครูที่กระทำการโดยประมาทคะ?

 

ครูตั้งใจปิดประตูห้องเรียนทั้งๆ ที่เด็กแค่เดินออกไปทิ้งกล่องนมหน้าห้อง บังเอิญมือน้องยังเกาะที่ขอบประตู เพราะถังขยะมันอยู่ตรงหน้าประตูเลย และพอเหตุการณ์เกิดขึ้น ครูที่โรงเรียนโทรมาแจ้งว่า #ลมพัดประตูหนีบนิ้วน้อง และพาไปทำแผลที่ รพ.

 

แต่แม่น้องได้ไปขอดูกล้องวงจรปิด สรุปคือ ครูตั้งใจปิดประตู และไม่มีการโทรมาสอบถามว่าน้องเป็นยังไง หรืออาการเป็นยังไง ไม่มีแม้แต่จะถามไถ่ มีแค่เจอครูตอนหมอนัดไปทำแผลที่ รพ. คืออะไร? งงมาก โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในเมืองเชียงราย

 

อยากถามตามความเหมาะสม ทั้งเรื่องการทำศัลยกรรมตกแต่ง ทั้งเรื่องการเยียวยาสภาพจิตใจเด็กพ่อแม่เด็ก และการที่เด็กเติบโตไปในอนาคต ด้วยนิ้วที่ขาดด้วน เด็กจะหมดโอกาสในการทำงาน เช่น ทหารหรือตำรวจ

 

ถ้าเป็นคุณจะเรียกกี่บาท ไม่ได้หวังผลทางธุรกิจ แต่นี่คือสิ่งที่ควรเยียวยาจิตใจน้อง และครอบครัว อยากขอปรึกษาผู้รู้ หรือทนายความ หรือคุณหมอ ใครพอจะแนะนำได้บ้าง ตอนนี้สภาพจิตใจเด็กแย่มาก หวาดผวา หวาดกลัว และไม่ต้องถามถึงจิตใจของพ่อแม่นะคะว่าจะแย่แค่ไหน มีใครพอจะแนะนำโรงพยาบาลที่สามารถทำศัลยกรรมตกแต่งหรือประเมินค่าใช้จ่ายหรือประเมินสภาพแผลเบื้องต้นจากภาพถ่ายได้บ้างคะ 

 

ปล.เราสอบถามยันฮีแล้วเราไม่สะดวกเดินทางไปประเมินถึงที่ #ลูกพี่สาว"

 

 

 

แม่สุดช้ำเข้าแจ้งความ หลังครูตั้งใจปิดประตูหนีบลูกชาย 3 ขวบจนนิ้วขาด แต่อ้างว่าลมพัด

 

 

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ล่าสุด (30 ก.ย.2563) เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา นางพิมญาดา อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นคุณแม่ของเด็กที่ถูกประตูหนีบจนนิ้วขาด ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองเชียงราย เอาผิดกับทางโรงเรียนอนุบาลพรรณี ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย

 

คุณแม่เปิดเผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ส.ค.2563 ที่ผ่านมา โดยผู้อำนวยการโรงเรียนได้โทรศัพท์แจ้งว่าลูกชาย เกิดอุบัติเหตุที่นิ้วและได้นำตัวส่งโรงพยาบาล ตนก็ได้สอบถามจากทางผู้บริหารโรงเรียน จนทราบว่าประตูไม้ภายในห้องของโรงเรียนหนีบขณะที่น้องกำลังจะนำกล่องนมไปทิ้งถังขยะนอกห้อง ซึ่งตอนแรกตนไม่ได้ติดใจมากนัก จากนั้นพาลูกชายกลับบ้านตามปกติ แต่ปรากฎว่าหลังจากนั้นเพียง 1 วัน ลูกมีอาการเจ็บมากจนร้องไห้ ผ้าพันแผลหลุดออกมา ทำให้ตนเห็นแผลว่าร้ายแรงกว่าที่คิดโดยปลายนิ้วได้หายไป ตอนนั้นตนเสียใจมาก

 

ตนไปที่โรงเรียนและขอดูกล้องวงจรปิด ปรากฎว่าเป็นภาพครูพี่เลี้ยงผู้หญิงอยู่ในห้อง 2 คนกำลังเตรียมให้เด็กๆ เข้านอน แต่ลูกชายได้นำกล่องนมไปทิ้งถังขยะนอกห้อง แต่ขณะที่มือข้างซ้ายจับอยู่กับขอบประตู ขณะเดียวกันครูพี่เลี้ยงได้ปิดประตูที่เป็นไม้อย่างแรงจนขอบประตูทับนิ้วลูกตน

 

ซึ่งหลังจากที่ดูกล้องวงจรปิดก็รู้สึกผิดหวัง เพราะเหตุการณ์ไม่ใช่เหตุลมพัดตามที่บอกแต่เกิดจากการปิดประตู จึงได้สอบถามไปยังผู้อำนวยการโรงเรียน ได้รับการขอโทษพร้อมแสดงความเสียใจว่าไม่ได้ตรวจดูเหตุการณ์อย่างละเอียดและพร้อมจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ทุกอย่าง

 

 

แม่สุดช้ำเข้าแจ้งความ หลังครูตั้งใจปิดประตูหนีบลูกชาย 3 ขวบจนนิ้วขาด แต่อ้างว่าลมพัด

affaliate-2

อย่างไรก็ตาม การที่ไม่ได้บอกความจริงตนมาตั้งแต่ต้น ความรู้สึกมันก็เสียไปแล้ว การที่นิ้วลูกเป็นเช่นนี้ทำให้ลูกต้องเสียโอกาสในการทำงานในอนาคตไป กลายเป็นคนไม่สมบูรณ์ ถึงแม้ปัจจุบันแผลจะหายดีขึ้นและได้ย้ายโรงเรียนไปอยู่ที่อื่นแล้ว แต่อยากได้รับการเยียวยา 

 

ตนยื่นข้อเสนอกับทางโรงเรียนขอค่าเสียหายจำนวน 400,000 บาท แต่ทางโรงเรียนต่อรองเหลือ 100,000 บาท ล่าสุดได้เจรจากันที่จำนวน 350,000 บาท โดยทางโรงเรียนแจ้งว่าจะติดต่อมาในช่วงเที่ยงวันนี้ แต่ก็เงียบหายไปสอบถามไปยังผู้อำนวยการโรงเรียนทางไลน์ก็เห็นว่ามีการอ่าน แต่ไม่ตอบกลับจึงได้เข้าแจ้งความดังกล่าว

 

ด้านพนักงานสอบสวนได้สอบถามข้อมูลและรวบรวมหลักฐานต่างๆ เพื่อนำมาประกอบการแจ้งความ จากนั้นจะประสานไปยังแพทย์เพื่อขอหลักฐานผลการชันสูตรบาดแผล และข้อมูลการรักษา เพื่อจะนำกลับมาพิจารณาว่าจะดำเนินคดีกับผู้กระทำได้อย่างไร ส่วนในอนาคตหากคู่กรณียังประสงค์จะเจรจากันเรื่องค่าสินไหมทดแทนอีกครั้งจะมีการจัดทำเป็นบันทึกข้อตกลงกันได้ต่อไป