'วิชา' ชงนายกฯปฏิรูปตำรวจแต่งตั้งตามอาวุโส เลิกข้ามหัว-ระบบสอบสวนอิสระกันแทรกแซง
คณะกรรมการชุด'วิชา มหาคุณ' ชงนายกฯปฏิรูปตำรวจแต่งตั้งตามอาวุโส เลิกข้ามหัว-ระบบสอบสวนอิสระกันแทรกแซง เปลี่ยนกระบวนการยุติธรรมจากระบบกล่าวหา เป็นไต่สวน
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากที่ทำเนียบรัฐบาลว่า นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชนและคณะกรรมการได้เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อนำผลสรุปแนวทางปฏิรูปกฎหมายในระบบกระบวนการยุติธรรม โดยใช้เวลาหารือประมาณ 45 นาทีจากนั้นเวลา 15.30 น.
นายวิชา ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันนี้นายกฯ ได้เชิญมาพบ เพราะคณะกรรมการได้ทำงานตามกำหนดระยะเวลาที่เสร็จสิ้นในวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา เกี่ยวกับคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ซึ่งได้ดำเนินการเรียบร้อยโดยสมบูรณ์ ทั้งนี้การพบกับนายกฯ เป็นไปได้ด้วยดี โดยนายกฯ รับฟังความคิดเห็นทั้งหมดของคณะกรรมการ แต่ได้ตั้งข้อสังเกตเล็กน้อย คือ ร่างพระราชบัญญัติ ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. . โดยนายกฯอธิบายให้ฟังว่าทำไมถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว ซึ่งครม. ก็ได้ส่งให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องพิจารณา โดยเฉพาะตำรวจ ก็ปรากฏว่าหายไปเป็นเดือน แล้วจึงกลับมาก่อนจะได้รับการแก้ไขอย่างที่เราทราบดีอยู่ซึ่งคณะกรรมการได้ชี้แจงให้นายกฯฟังในประเด็นสำคัญที่เราไม่อยากให้เปลี่ยน
เรื่องแรก คือ ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ คือระบบอาวุโสกับความรู้ความสามารถ
และเรื่องที่สอง คือ สายสอบสวน ต้องเป็นสายที่มีความรู้ความชำนาญ เป็นอิสระ และได้รับค่าตอบแทนที่เป็นพิเศษ นายกฯ บอกว่า สำหรับการสอบสวนที่จะต้องเป็นแท่งและอิสระ ก็ไม่น่าจะมีอะไรขัดข้อง แต่ระบบการแต่งตั้งของตำรวจ เนื่องจากว่ามีขบวนการมานานแล้ว ที่ไม่ได้เป็นไปตามหลักอาวุโส ที่เห็นๆ กันอยู่ว่ามีการแต่งตั้งข้ามหัวกันไปเยอะแยะ ฉะนั้น อาจจะต้องมีการใช้บทเฉพาะกาลอะไรไว้ให้ เพื่อให้ปรับตอนเข้าระบบการเปลี่ยนผ่านเพราะถ้าหากใช้ทันที ก็จะเกิดข้อร้องเรียนเยอะแยะ ว่าสายทั่วไปแต่ระบบอาวุโสจริงหรือไม่ ถือว่าเป็นข้อที่น่าสังเกตก็แล้วกัน
เมื่อถามว่า ข้อเสนอที่จะให้นายกฯ กลับมติครม. ที่เห็นชอบร่างพ.ร.บ.ตำรวจฯ ไปแล้วนั้น จะทำได้หรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า ปรากฏว่าเราทราบมาอย่างชัดเจนแล้วว่ายังไม่เรียบร้อย เพราะนายกฯ ได้ส่งเรื่องนี้ไปที่กระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณาถึงเรื่องเงิน เพราะเป็นกฎหมายใหญ่ ที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งโยกย้าย ดังนั้นจึงยังมีเวลาไปปรับปรุงแก้ไขก่อนที่จะนำเข้าสู่สภา
เมื่อถามย้ำว่า จะมีการแก้ไขมติครม. หรือไม่ นายวิชากล่าวว่า "ท่านรับเรื่องไปแล้วกัน ท่านบอกว่าท่านขอรับไปและไปดูให้รอบคอบ ตามที่เราให้ข้อสังเกตไว้โดยเรายืนยันว่าอย่างไรก็ตามสองหลักนี้ ต้องให้ปรากฏอยู่ในตัวกฎหมายซึ่งอาจจะมีเรื่องอื่นๆ ที่ตำรวจขอปรับแก้ ที่เรียกว่าแปลงสารอะไรทำนองนี้ แต่เราเห็นว่าไม่สำคัญเท่าสองหลักนี้"
“ที่สำคัญไปกว่านั้น นายกฯเห็นด้วยที่คณะกรรมการฯเสนอว่าสมควรเปลี่ยนระบบกระบวนการยุติธรรมจากระบบกล่าวหา เป็นระบบไต่สวน ซึ่งเรื่องนี้จะนำไปสู่การค้นคว้าและการที่จะถกเถียงกันต่อไป เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่จะเปลี่ยนโครงร่างของกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยเลยทีเดียว ซึ่งคณะกรรมการฯได้เสนอไป และนายกฯก็ได้รับแล้ว” นายวิชา กล่าว