ด่วน ทรัมป์กับสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งติดโควิด-19 ตามที่ปรึกษาใกล้ชิด
ผู้นำสหรัฐเผยจะกักตัวกับสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ติดเชื้อโควิด-19 แล้ว
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ ทวีตเองเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ( 2 ต.ค.) ว่า "ผมกับสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง(เมลาเนีย ทรัมป์) ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และจะเริ่มกระบวนการรักษาทันที เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกัน"
ทรัมป์กลายเป็นผู้นำโลกหมายเลข 1 ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ขณะเหลือเวลาอีกเพียงเดือนเดียวเท่านั้นก็จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดี และด้วยวัย 74 ปี ทรัมป์มีความเสี่ยงสูงที่จะเผชิญอาการแทรกซ้อนจากอาการป่วยด้วยโรคใหม่นี้
ไม่กี่ชม. ก่อนหน้า ทรัมป์เพิ่งทวีตว่ากำลังรอผลตรวจ หลังจาก โฮป ฮิคส์ ที่ปรึกษาคนสำคัญ ติดไวรัสโรคโควิด-19
ฮิคส์ วัย 31 ปี กลายเป็นที่ปรึกษาใกล้ชิดทรัมป์ที่สุดที่ติดโควิด เธอติดตามทรัมป์ เดินทางไปหลายสถานที่ในสัปดาห์นี้ รวมถึงขึ้นเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน ไปร่วมฟังการโต้วิสัยทัศน์ที่เมืองคลีฟแลนด์ รัฐโอไฮโอ และมีภาพที่เธอลงจากเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดี ที่เมืองคลีฟแลนด์ เมื่อวันอังคาร( 30 ก.ย.) โดยไม่สวมแมสก์ ทั้งยังอยู่ใกล้กับทรัมป์มากขึ้นอีก ขณะอยู่บน มารีน วัน เฮลิคอปเตอร์ประจำตำแหน่ง ในวันต่อมา ขณะทรัมป์เดินทางไปหาเสียงในมินนิโซตา นอกจากทรัมป์แล้ว ยังมีที่ปรึกษาใกล้ชิดอีกหลายคนที่อยู่บนเที่ยวบินเดียวกัน ทั้ง จาเร็ด คุชเชอร์ ลูกเขยและที่ปรึกษาอาวุโสทำเนียบขาว โดยมีภาพที่แสดงให้เห็นว่าไม่มีใครสวมแมสก์เลย
สำนักข่าวบลูมเบิร์กส์ รายงานว่า ฮิคส์เริ่มมีอาการ และเข้ากักตัวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซ วัน ขณะเดินทางกลับจากมินนิโซตา
ไม่ชัดเจนว่าการกักตัว ไปจนถึงฟื้นจากการติดไวรัสของทรัมป์ จะมีผลต่อดีเบตรอบสอง ที่กำหนดจัดในวันที่ 15 ต.ค. ที่เมืองไมอามี รัฐฟลอริดาอย่างไร ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ Sean Hannity ช่องฟอกซ์นิวส์ เมื่อคืนวันที่ 1 ต.ค.ตามเวลาท้องถิ่นว่า เขา เมลาเนีย ใช้เวลากับฮิคส์ค่อนข้างมากในช่วงหลายวันที่ผ่านมา “เราได้แต่รอดูว่าจะเป็นยังไง” ทรัมป์กล่าว ก่อนอ้างด้วยว่า ฮิคส์สวมแมสก์เป็นส่วนใหญ่แต่ยังติดเชื้อ
ทำเนียบขาวดำเนินการตรวจเชื้อทีมงาน และทุกคนที่อยู่สัมผัสหรือใกล้ชิดกับประธานาธิบดี ที่โดยมาก เมินสวมแมสก์และมีภาพถ่ายที่แสดงถึงการไม่รักษาระยะห่าง กับทีมงานหรือผู้อื่นขณะออกงานทางการ
เปิดผลศึกษายก โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวการใหญ่สุดในโลก กระพือข้อมูลโควิด-19 บิดเบือน