เปิดเจรจา ถอยคนละก้าว ก่อนเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ
รองประธานสภาอุตฯ เสนอรัฐบาลเปิดเจรจากลุ่มผู้ชุมนุม"ม็อบราษฏร63" หวั่นมือที่ 3 สร้างสถานการณ์ หวังหารือสร้างสันติ ถอยคนละก้าวแก้รัฐธรรมนูญ ทุกฝ่ายไม่มีใครได้ 100% และเสีย 100% ให้มาอยู่ในจุดที่ไปร่วมกันได้ สร้างความมั่นใจอนาคตคนรุ่นใหม่
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่าการชุมนุมที่เกิดขึ้นกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุนบ้าง เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงมีมากกว่าที่ประเมินไว้ ทำให้ภาคธุรกิจในประเทศและต่างประเทศต้องจับตาเสถียรภาพทางการเมืองมากขึ้น และติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะขยายผลอย่างไรบ้าง และรัฐบาลจะมีทางออกเรื่องนี้อย่างไร
อ่านข่าว: "ฐปณีย์" เคลื่อนไหว หลังเพจส่อโดนแบน ยันทำหน้าที่ต่อตามหลักวิชาชีพ
ทั้งนี้การชุมนุมประท้วงที่เกิดขึ้นมีบางส่วนคล้ายกลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกงที่เกิดจากคนรุ่นใหม่และชุมนุมต่อเนื่องลักษณะแฟรชม็อบ แต่ต่างกันเรื่องความรุนแรงเพราะในไทยยังไม่รุนแรงถึงขั้นทำลายทรัพย์สินและร่างกายเหมือนที่ฮ่องกง ซึ่งรัฐบาลต้องระวังมือที่ 3 ที่จะสร้างความรุนแรงและหากสถานการณ์บานปลายจะกระทบต่อความเชื่อมั่นรุนแรง
สำหรับทางออกอยากให้รัฐบาล และผู้ประท้วงหันหน้าเข้ามาหารือหาทางออกร่วมกันอย่างสันติวิธีอย่างมีเหตุมีผล โดยรัฐบาลต้องนำข้อเสนอผู้ชุมนุมมาพิจารณาว่าสิ่งใดร่วมกันแก้ไขได้ และสิ่งใดแก้ไขไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องสถาบันที่คนไทยส่วนใหญ่เคารพสถาบันและต้องอยู่คู่ประเทศตลอด
หารือสร้างอนาคตคนรุ่นใหม่
ดังนั้น รัฐบาลควรฉวยวิกฤตินี้ให้เป็นโอกาสหารือกับผู้ประท้วงร่วมมือแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อาจมีจุดบกพร่อง รวมทั้งร่วมกันแสวงหากลไกตรวจสอบภาครัฐในทุกระดับ สร้างกลไกการถ่วงดุลอำนาจ ปฏิรูประบบยุติธรรมเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้สังคม ซึ่งจะช่วยให้กลุ่มคนรุ่นใหม่รู้สึกมั่นใจในอนาคตมากขึ้นรวมทั้งสถานการณ์จะทยอยคลี่คลายซึ่งต้องใช้เวลาและความอดทนในการหันหน้าเข้าหากัน และเจรจาให้ถึงจุดที่ร่วมมือกันได้
ร่วมทั้งรัฐบาลจะได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายในสังคมมากขึ้น โดยการเจรจาอาจไม่ช่วยแก้ปัญหาได้ทันทีแต่ช่วยผ่อนคลานสถานการณ์ที่ร้อนแรงให้อุ่นลง แม้จะไม่เย็นแต่ก็อยู่ร่วมกันได้ทุกฝ่าย และจะทอยคลี่คลายได้ในอนาคต
“เยาวชนและคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้จะมาบริหารประเทศต่อจากรุ่นเรา ดังนั้นควรรับฟังและแก้ปัญหาร่วมกัน โดยเอาปัญหาเป็นที่ตั้งและใช้ความจริงใจการแก้ไข การชุมนุมประท้วงครั้งนี้ไม่เหมือนในอดีตที่แบ่งแยกสีต่อสู้กันทางการเมือง แต่ครั้งนี้เป็นการต่อสู้ของคนรุ่นใหม่ที่เห็นขัดแย้งกับระบบซึ่งเราไม่สามารถหลีกหนีไปได้เพราะต้องอยู่ร่วมกัน และคนกลุ่มนี้จะเข้ามาแทนเรา ดังนั้นจึงควรใช้วิธีสันติหันเหน้าเจรจาแก้ปัญหาร่วมกันให้ถึงที่สุด”นายเกรียงไกร กล่าว
แนะถอยคนละก้าวแก้ รธน.
ทั้งนี้เชื่อมั่นว่าคนไทยมีจิตใจดีจะช่วยประคองและหลีกเลี่ยงความรุนแรงได้ โดยทั้ง 2 ฝ่ายต้องเปิดใจพูดคุยอย่างจริงใจและเร่งแก้ไขปัญหาโดยอะไรที่แก้ไขได้เลยต้องทำทันทีส่วนอะไรที่ต้องใช้เวลาก็ทยอยดำเนินการ และอะไรที่อ่อนไหวต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนแตะต้องไม่ได้ หากทุกฝ่ายร่วมกันเดินในแนวทางนี้เชื่อว่าประเทศจะผ่านวิกฤตินี้ได้
ส่วนประเด็นที่แก้ไขร่วมกันได้ คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่การเจรจาต้องยอมถอยคนละก้าวทุกฝ่ายไม่มีใครได้ 100% และเสีย 100% ให้มาอยู่ในจุดที่ไปร่วมกันได้ ซึ่งเป็นช่องทางการแก้ปัญหาประเทศร่วมกันและผ่อนคลายความรุนแรงลงได้
ในขณะที่ความไม่พอใจของคนรุ่นใหม่ที่เกิดขึ้น มองว่าเป็นปัญหาที่สะสมมานานจนทำให้กลุ่มนี้ไม่มั่นใจในอนาคตและอย่ากจะเปลี่ยนเปลงประเทศให้ดีขึ้น โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำทางสังคม ระบบยุติธรรมไม่มีประสิทธิภาพที่มีการใช้ 2 มาตรฐานซึ่งในอดีตที่ผ่านมาทุกรัฐบาลทุกเมื่อคนของฝ่ายรัฐบาลทำผิดหรือมีข้อสงสัยทุจริตมันจะหาทางช่วยเหลือกัน และมีหลายคดีที่ใช้กฎหมายเอาผิดกับคนรวยไม่ได้ซึ่งมีการใช้ช่องโหว่ของกฎหมายช่วยพวกพ้อง ระบบราชการขาดประสิทธิภาพ มีข่าวคราวทุจริตมาตลอด ทำให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ไม่พอใจเก็บสะสมจนปะทุในวันนี้
ขอบคุณที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
(คลิกอ่านต้นฉบับ)https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/903198