"จตช." พบ "ตร. 97 นาย" เอี่ยวอมเบี้ยเลี้ยงโควิด เร่งสอบขีดเส้น 10 วัน รู้ผล
จเรตำรวจแห่งชาติ เผยพบ 97 ตำรวจตั้งแต่ชั้นประทวน - นายพล เอี่ยวปมเบี้ยเลี้ยงโควิด เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง เบื้องต้นลงโทษแล้ว 2 พื้นที่ ย้ำตรวจสอบยึด 3 หลักการ
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 1 ธันวาคม 2563 ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องการอมเบี้ยเลี้ยงโควิด-19 ว่า เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งให้ทุกหน่วยเข้ามารายงานความคืบหน้าว่า ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติสั่งให้ กองบัญชาการต่างๆ ไปตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง นานกว่า 5 สัปดาห์ มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง เพราะเดิมขีดเส้นตายไว้ว่าต้องมีข้อยุติในวันที่ 30 พฤศจิกายน
สำหรับผลการตรวจสอบในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (บช.ภ.8) มีการภาคทัณฑ์ ตำรวจ สภ.ป่าตอง ซึ่งโอนเงินผิดระเบียบ ไปที่สารวัตรการเงิน ทางการเงินก็โอนให้ตำรวจผู้มีสิทธิ์ทันที ก็เป็นการทำผิดระเบียบ แต่ไม่มีเจตนาทุจริต ส่วนที่ สภ.ทุ่งสง โอนถูกระเบียบ แต่ให้ผู้มีสิทธิ์ถอนเงินออกมา ภายหลังมีการคืนเงินกันไปหมดแล้ว โดยคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงของภาค 8 สั่ง กักยามสารวัตรการเงินทั้งหมด รวมทั้งกักยาม พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.ทุ่งสง เป็นเวลา 3 วัน ตามอำนาจเต็มของผู้บังคับการ และ บช.ภ.8 อยู่ระหว่างพิจารณากักยามเพิ่มเติมอีก 15 วัน ส่วนกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) และ กองบัญชาการภาค 1-9 ทาง ผบ.ตร. เร่งรัดให้สืบสวนข้อเท็จจริงโดยเร็ว และรายงานผลให้ทราบภายใน 10 วัน
พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวว่า ผบ.ตร. ได้เน้นย้ำการตรวจสอบต้องยึดหลักการ 3 ข้อ คือ
1. ต้องคืนความชอบธรรม คืนเงิน คืนเบี้ยเลี้ยง ให้ตำรวจผู้ได้รับความเสียหายอย่างครบถ้วน ถูกต้อง เพราะฉะนั้นหากใครได้รับเงินเบี้ยเลี้ยงตามสิทธิ์ ให้แจ้งมาที่ตนได้เลย
2.ต้องยึดหลักถูกต้องตามระเบียบกฎหมาย รวมถึงมาตรฐานการลงโทษ และ เป็นไปตามกรอบเวลาที่ไม่ล่าช้า
3.การดำเนินการทั้งหมดต้องเป็นที่พอใจของตำรวจ ของสังคม เพราะฉะนั้นการลงโทษต้องมีมาตรฐาน และตรวจสอบได้
ปัจจุบันมีหน่วยที่ถูกตรวจสอบตั้งแต่ระดับกองกำกับการ ถึงโรงพัก 41 หน่วย มีข้าราชการตำรวจชั้นประทวนถึงระดับพล.ต.ต. ที่ถูกตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง 97 นาย ส่วนจะผิดหรือไม่ต้องว่ากันอีกครั้ง โดย ผบ.ตร. ยืนยันว่า เรื่องนี้มีคนทำผิดต้องถูกลงโทษ จะวินัยร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรง ก็ว่าไปตามกระบวนการ ไม่มีการช่วยเหลือใคร ทั้งนี้สำหรับรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ได้ส่งให้ ผบ.ตร. หมดแล้ว ล่าสุดมีการปรับย้ายระดับ รอง ผบก.-ผกก. ก็ย้ายออกนอกหน่วย ทางปกครองก็ดูว่าใครทำผิดก็มีมาตรการทางปกครองคู่ขนานไปด้วย
ส่วนกรณีที่ พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.ทุ่งสง ได้รับการแต่งตั้งให้เลื่อนระดับสูงขึ้น เป็น รอง ผบก.กค.ภ.8 อยู่ในบัญชีผู้เหมาะสม เกณฑ์อาวุโส 33 เปอร์เซ็นต์ ที่ต้องได้รับแต่งตั้งสูงขึ้น ซึ่งการดำเนินการทางวินัย กับการแต่งตั้งอาจจะคนละเรื่องกัน และขึ้นไปอยู่ไม่ใช่ตำแหน่งหลัก เพราะฉะนั้นการที่ท่านถูกกักยาม ก็ดำเนินการต่อไป