แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม แจง ประจานชักธง 112 ขึ้นสู่ยอดเสา ถามกลับผู้พิทักษ์ทรราช
เปิดแถลงการณ์ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ชี้แจง การชักผ้าสีแดงซึ่งมีเลข 112 (ธง 112) ขึ้นสู่ยอดเสา ประจานความอัปลักษณ์ พร้อมตั้งคำถามกลับถึงผู้พิทักษ์ทรราช
16 มกราคม 2564 แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ออกแถลงการณ์ เรื่อง การชักผ้าสีแดงซึ่งมีเลข 112 ขึ้นสู่ยอดเสา ความว่า ในวันที่ 15 มกราคม 2564 ที่ นายชยพล ดโนทัย หรือ เดฟ สมาชิกแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้เข้าไปแสดงตัวต่อเจ้าพนักงานตำรวจ ไถ่ถามเกี่ยวกับหมายจับ มาตรา112 ตามประมวลกฎหมายอาญา โดยหมายนี้เป็นหมายเดียวกันกับ นิว สิริชัย ซึ่งหมายจับดังกล่าวได้ถูก “แอบ” ถอนหมายจับไปในภายหลัง แต่ตำรวจกลับแถลงว่าไม่มีชื่อของ ชยพล อยู่ในหมายนี้
การตั้งข้อหา มาตรา 112 กับแพะ ในกรณีนี้ ทำให้ส่วนกลางรู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจเพราะเท่ากับดำเนินคดีผิดพลาดในนามของกษัตริย์จนถึงกับส่ง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง เดินทางมาประชุมถึงที่ สภ.คลองหลวง ในช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. แต่ในภายหลังได้แถลงว่า จะมีการตั้งข้อหาตาม พ.ร.บ.ธง และความผิดฐานอื่นๆ กับผู้ที่มาทำกิจกรรม และรวมถึงการส่งสัญญาณจาก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในวันถัดมาอีกด้วยด้วย
หลังจากจบกิจกรรมดังกล่าวไปแล้ว สิ่งแรกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง ควรจะทำ คือ การตั้งคำถามกับมาตรฐานทางการปฏิบัติหน้าที่ และจริยธรรมของตนเอง เกี่ยวกับ มาตรา 112 ที่มีมาตรฐานต่ำเกินกว่าที่ควรจะเป็น กล่าวได้ว่า “จะจับก็จับจะปล่อยก็ปล่อย โดยไม่มีมาตรฐานใดๆ ทั้งสิ้น” แต่ตำรวจเลือกที่จะทำนิติสงครามกับประชาชนด้วย “การดำเนินคดีแก้เก้อ” กล่าวหาประชาชนว่าใช้ธง 112 แทนธงชาติ
เช่นนั้นแล้วจึงต้องถามกลับไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า การกระทำดังกล่าวที่เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์เป็นความผิดอย่างไร การนำธง 112 ขึ้นมานั้นแน่นอนว่าไม่ใช่การใช้อย่างธงชาติ หากแต่เป็นการขุดเอาความอัปลักษณ์ ของประเทศนี้ขึ้นมาประจาน ผ่านสัญลักษณ์ของความเหลื่อมล้ำต่ำสูง มองคนไม่เท่าคน และกระบวนการอัปยศที่มารับใช้แนวคิดดังกล่าว
การแสดงเชิงสัญลักษณ์ด้วยวิธีการเหล่านี้ หรือวิธีการอื่นใดก็ตาม ย่อมอยู่อยู่ในขอบเขตของเสรีภาพอันพึงจะกระทำได้อยู่แล้ว ไม่ว่าผู้กระทำจะเป็นใครก็ตาม สุดท้ายนี้ต้องขอกล่าวกับผู้พิทักษ์ทรราชว่า “อายไหมมาไล่ฟ้องคน ในงานที่ตัวเองออกหมายคนมั่ว”
ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ