ข่าว

หลักฐานใหม่ โควิด-19 กลายพันธุ์ สามารถลดประสิทธิภาพ แอนติบอดี - วัคซีน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หลักฐานใหม่ เชื้อไวรัส โควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ สามารถลบล้างฤทธิ์ของแอนติบอดี - วัคซีนสายพันธุ์ดั้งเดิมประสิทธิภาพลดลง

งานวิจัยของโรงเรียนแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวอชิงตัน ในเมืองเซนต์ลูอิสของสหรัฐฯ บ่งชี้ว่า เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่ก่อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โรคโควิด-19 (COVID-19) ชนิดกลายพันธุ์ ซึ่งแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว สามารถหลบหลีกแอนติบอดีที่ลบล้างฤทธิ์เชื้อไวรัส โควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิมอันเป็นต้นตอของโรคระบาดใหญ่

คณะนักวิจัยได้ทดสอบความสามารถลบล้างฤทธิ์ของแอนติบอดีกับเชื้อไวรัส โควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ 3 สายพันธุ์ ในห้องปฏิบัติการ เพื่อประเมินว่าเชื้อไวรัส โควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์เหล่านี้ สามารถหลบหลีกแอนติบอดีของเชื้อไวรัส โควิด-19 สายพันธุ์ตั้งต้นก่อโรคโควิด-19 ได้หรือไม่

คณะนักวิจัยทดสอบเชื้อไวรัส โควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์กับแอนติบอดีในเลือดของผู้ที่หายจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) หรือได้รับวัคซีนของไฟเซอร์ (Pfizer) รวมถึงทดสอบแอนติบอดีในเลือดของหนู แฮมสเตอร์ และลิง ที่ได้รับวัคซีนทดลองของโรงเรียนแพทยศาสตร์ผ่านทางจมูก

เชื้อไวรัส โควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์ บี.1.1.7 (B.1.1.7) ที่พบครั้งแรกในสหราชอาณาจักร ถูกลบล้างฤทธิ์ด้วยแอนติบอดีระดับเดียวกับที่ใช้ลบล้างฤทธิ์เชื้อไวรัส โควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิม ส่วนเชื้อไวรัส โควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์อีกสองสายพันธุ์ ต้องใช้แอนติบอดีลบล้างฤทธิ์เพิ่มขึ้น 3.5 - 10 เท่า

ต่อมาคณะนักวิจัยทดสอบโมโนโคลนอลแอนติบอดี (monoclonal antibody) หรือแอนติบอดีที่ถูกผลิตซ้ำปริมาณมากและสามารถลบล้างฤทธิ์เชื้อไวรัส โควิด-19 สายพันธุ์ดั้งเดิมได้ดีเยี่ยม โดยนักวิจัยทดสอบโมโนโคลนอลแอนติบอดีกับเชื้อไวรัส โควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ทั้งสาม และพบผลลัพธ์แตกต่างกันตั้งแต่มีประสิทธิภาพดีจนถึงไร้ประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิง

เนื่องจากเชื้อไวรัส โควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ มีการดัดแปลง “ยีนหนาม” หลายครั้ง คณะนักวิจัยจึงสร้างแผงเชื้อไวรัส โควิด-19 ที่มีการดัดแปลงเพียงครั้งเดียว เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบของการกลายพันธุ์แต่ละครั้ง และพบว่าประสิทธิภาพของแอนติบอดีต่อเชื้อไวรัส โควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงเพียงครั้งเดียวของกรดอะมิโนในโปรตีนหนาม

 

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเรียกว่า อี484เค (E484K) พบในเชื้อไวรัส โควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์ บี.1.135 (B.1.135) จากแอฟริกาใต้ และสายพันธุ์ บี.1.1.248 (B.1.1.248) จากบราซิล แต่ไม่พบในสายพันธุ์ บี.1.1.7 จากสหราชอาณาจักร
ผู้เขียนอาวุโสของการศึกษาครั้งนี้ ไมเคิล เอส ไดมอนด์ เผยว่า การที่เชื้อไวรัส โควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์ บี.1.135 แพร่ระบาดเป็นวงกว้างในแอฟริกาใต้ อาจเป็นคำอธิบายกรณีวัคซีนตัวหนึ่งที่ทดสอบในประชาชนมีประสิทธิภาพลดลงในแอฟริกาใต้มากกว่าในสหรัฐฯ ซึ่งพบเชื้อไวรัส โควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์น้อยกว่ามาก

“เรายังไม่รู้ผลกระทบที่ชัดเจนของเชื้อไวรัส โควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ทั้งสาม แต่สิ่งที่ชัดเจนคือเราต้องคัดกรองแอนติบอดีที่มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ขณะเชื้อไวรัส โควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์เกิดขึ้นใหม่และแพร่กระจาย ซึ่งอาจส่งผลต่อวัคซีนและกลยุทธ์การรักษาด้วยแอนติบอดี” ไดมอนด์ ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ภาคจุลชีววิทยาโมเลกุลและภาคเวชศาสตร์และภูมิคุ้มกันวิทยา กล่าว

ทั้งนี้ ผลการศึกษาถูกเผยแพร่ผ่านวารสารเนเจอร์ เมดิซีน (Nature Medicine) เมื่อวันพฤหัสบดี (4 มีนาคม 2564) ที่ผ่านมา

อ่านข่าว - ลาวพบผู้ป่วย โควิด-19 เพิ่ม 2 ราย พบประวัติเป็นแรงงานเดินทางกลับจากไทย

โควิด-19, โควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์

(แฟ้มภาพซินหัว : บุคลากรทางการแพทย์เตรียมวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่เมืองเซอร์ดัง ใกล้กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย วันที่ 4 มี.ค. 2021)

CR : xinhuathai.com

#บอกลาอาการคิดหนักบอกลาซาด้าช้อปเลย

โควิด-19, โควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ