ลูกสาวรับจ็อบพาร์ตไทม์ ล้างจาน-ถูพื้นบ้านพักคนชรา เพื่อเยี่ยมพ่อช่วงโควิด-19
ลูกสาวไม่อยากให้พ่อถูกตัดขาดญาติพี่น้องช่วงโควิด ติดคำสั่งห้ามเยี่ยม พบทางออก รับจ็อบพิเศษเป็นพนักงานทำความสะอาดบ้านพักคนชรา
สถานการณ์โควิด-19 ระบาด เป็นเหตุให้ลิซา ราซีน ไม่สามารถเข้าเยี่ยมพ่อวัย 87 ปีที่บ้านพักคนชรา Good Samaritan Society - Stillwater ใกล้เมืองเซนต์พอล รัฐมินนิโซตาได้ ลูกสาววัย 58 ซึ่งมีงานประจำเป็นผู้จัดการฝ่ายโครงการของบริษัทการพิมพ์แห่งหนึ่ง จึงตัดสินใจสมัครเป็นสตาฟฟ์พาร์ตไทม์ที่บ้านพักคนชราที่พ่อของเธอพำนักอยู่ เริ่มงานเมื่อ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยลงเวลาทำงาน 2-3 คืนต่อสัปดาห์และในวันหยุดสุดสัปดาห์ งานของเธอคือเติมของใส่ตู้เก็บของและตู้เย็น ล้างจาน ถูพื้น เสิร์ฟอาหาร และทำความสะอาดหลังจากผู้อยู่ในบ้านรับประทานเสร็จแล้ว ราซีน ยอมรับว่า เป็นงานหนัก แต่คุ้มค่า เพราะเธอมีโอกาสได้ใช้เวลาพิเศษกับฮาโรลด์ พ่อของเธอ เธอจะไปถึงเร็วกว่าเวลาเข้างานเล็กน้อยเพื่อเยี่ยมพ่อ และได้เจอกันอีกครั้งหลังอาหารเย็น การได้เยี่ยมเป็นประจำเป็นเรื่องดี ช่วยให้พ่อมีความหวังและมีกำลังใจ
ช่องทางการเยี่ยมคุณปู่คุณย่าช่วงโควิด
ราซีนไม่สามารถเยี่ยมพ่อแบบใกล้ชิดนับจากเดือนพ.ย. ได้แต่เยี่ยมผ่านหน้าต่าง และแม้จะเห็นหน้ากันผ่านเฟซไทม์ แต่พ่อของเธอมีปัญหากับเทคโนโลยีอย่างมาก และเมื่อฤดูหนาวมาถึง การเยี่ยมผ่านหน้าต่างยิ่งไม่สะดวก เธอจึงถาม เรเน ราซีน ลูกพี่ลูกน้องที่ทำงานอยู่ในบ้านพักคนชรา ว่ามีงานพาร์ตไทม์อะไรที่เธอพอจะทำได้หรือไม่ ซึ่งเรเนพบว่าเป็นไอเดียที่ได้ทั้งสองฝ่าย เพราะบ้านพักคนชราขาดแคลนคนทำงานบางช่วงเวลาอยู่แล้ว
ลูกสาวเล่าด้วยว่า พ่อเกือบจำเธอไม่ได้เพราะเธออยู่ในชุดพีพีอี นึกว่าเป็นผู้ช่วยพยาบาล พอรู้ว่าเป็นเธอ พ่อช็อกมาก ถามว่า “มาทำอะไรที่นี่ เข้ามาได้ยังไง ใครปล่อยให้เข้ามา พ่อคิดว่าฉันจะเข้าไปก่อเรื่อง อะไรทำนองนั้น” การเข้าไปทำงานในบ้านพักคนชรา ทำให้ราซีนอยู่ในกลุ่มต้องได้รับวัคซีนโควิด-19 ไปด้วย เพราะทำงานใกล้ชิดกับผู้สูงอายุภายในนั้น โดยฉีดเข็มแรกเวลาเดียวกับพ่อที่ฉีดเข็มที่สอง
ราซีน กล่าวว่า พ่อบอกเธอเสมอว่า บางครั้งคนเราต้องกล้าเผชิญกับสิ่งท้าทายและสถานการณ์ยากๆ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เธอตัดสินใจทำ เธอไม่มีปัญหากับงานทำความสะอาดเพื่อได้เยี่ยมพ่อ “พ่อก็เป็นคนที่เคยเก็บกวาดความรกที่เธอทำไว้ในอดีตเหมือนกัน” ราซีนบอก Today
ปัจจุบัน บ้านพักคนชราแห่งนี้อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้บ้างแล้ว แต่ราซีนยังคอยช่วยให้พ่อได้พูดคุยกับญาติพี่น้องผ่านเฟซไทม์ ราซีนกล่าวว่าเธอกำลังรอให้มาตรการจำกัดทุกอย่างถูกกยกเลิก เพื่อจะได้พาพ่อออกไปดินเนอร์ หรือรวมญาติ แต่ถึงจะยกเลิกมาตรการคุมเข้มทุกอย่างแล้ว เธอมีแผนจะลดชม.ทำงานลง แต่ยังต้องการทำงานต่อไปและเติมคนทำงานให้เวลาที่มีคนไม่พอ