
เพจหมอเตือนโทษจาก "ซีม่าโลชั่น" ปมรุ่นพี่เล่นพิเรนทร์ทาให้รุ่นน้อง 6 ขวดจนเกิดแผลพุพอง
เพจหมอเตือนโทษจาก "ซีม่าโลชั่น" ปมรุ่นพี่เล่นพิเรนทร์ทาให้รุ่นน้อง 6 ขวดจนเกิดแผลพุพอง น้ำเหลืองไหลทั่วตัว ส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาล
จากกรณีข่าวนักเรียนรุ่นพี่ ป.5 และ ม.4 โรงเรียนประจำแห่งหนึ่งใน จ.กระบี่ แกล้งรุ่นน้องชั้น ป.2 โดยการเอา "ซีม่าโลชั่น" ไปราดตัวน้องถึง 6 ขวด และอ้างว่าจะช่วยรักษาโรคหิด ปรากฏว่าในเวลาต่อมา เด็กมีอาการบาดเจ็บรุนแรง เกิดแผลพุพอง น้ำเหลืองไหลทั่วตัว ส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้เพจหมอ สาระสุขภาพยาน่ารู้ ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับ "ซีม่าโลชั่น" เผยเป็นยาที่มีส่วนประกอบของสารเคมีหลายตัวที่ออกฤทธิ์กัดทำลายผิวหนังได้ จึงต้องใช้อย่างระมัดระวังและใช้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ห้ามเอามาเล่นพิเรนทร์เด็ดขาด
ซึ่งเพจเคยเขียนเรื่องเตือนภัยมาครั้งหนึ่งแล้ว กรณีที่มีการแชร์ด้วยการเอา "ซีม่าโลชั่น" มาทาผิวที่หัวเข่าหวังให้ผิวนุ่มขาว แต่กลับกลายเป็นผิวลอก ไหม้ แสบ กลายเป็นแผลรุนแรง
สำหรับส่วนผสมของ ซีม่าโลชั่น ประกอบด้วย
1.Salicylic acid เป็นกรดที่มีฤทธิ์ลอกผิวเซลล์ชั้นนอก
2.Resorcinol ใช้ผลัดผิวเซลล์ได้
3.Phenylic acid ใช้เป็นยาฆ่าเชื้อ disinfectant , antiseptic
สรรพคุณของ ซีม่าโลชั่น คือ ใช้รักษาเชื้อราบนผิวหนัง กลาก เกลื้อน หิด
- ทำไมรักษาโรคเชื้อราได้
ตอบ เวลาเราติดโรคเชื้อราจะเกาะกินที่ผิวหนังกำพร้า ถ้าเป็นไม่มาก ทีนี้ยาทั้ง 3 ตัวมันมีฤทธิ์ไปลอกหนังที่มีเชื้อราออก จึงรักษาอาการโรคเชื้อราที่ผิวหนังได้
- ใช้รักษาโรคอื่นๆได้หรือไม่
ตอบ ยาทั้ง 3 ตัว นอกจากฤทธิ์ไปลอกหนังที่มีเชื้อราออก ถ้าใช้กับผิวธรรมดาหรือผิวหนังแข็งๆ มันก็ลอกได้ แต่ต้องระวังปริมาณยาที่ใช้ ระยะเวลาที่ใช้ยา ตำแหน่งผิวที่เป็น แต่ห้ามใช้ในกรณีแพ้ยาหรือห้ามใช้ในผิวหนังมีแผลเปิดและมักจะมีผลข้างเคียงตามมา ได้แก่ มีการอักเสบ ปวด บวม แดง ร้อน
- ใช้ลอกผิวด้านอันตรายไหม
ตอบ การลอกผิวออกไปทำให้ขาวได้ก็จริง เพราะผิวข้างบนลอกออกไป แต่ไม่นานผิวเราก็จะกลับมาดำใหม่ เนื่องด้วยเป็นผิวหนังที่สร้างมาใหม่ ซ้ำร้ายหากเอาผิวขาวแบบเฟคๆ ไปโดนแสงกระตุ้น เดี๋ยวมันก็กลับมาดำใหม่ แต่สักพักก็กลับไปเป็นสีเดิมอยู่ดี
หากใช้ไม่เป็นยาไปกัดผิวลึกลงไปจนเกิดอักเสบ เกิดเป็นแผลติดเชื้อตามมาคราวนี้แหละผิวที่เคยคิดว่าดำ จะด่างดำมากกว่าจากการอักเสบ ติดเชื้ออย่างถาวร