ศาลปกครองกลางยกฟ้อง "บุญทรง"กับพวก ฟ้องเพิกถอนคำสั่งจ่ายค่าเสียหายจำนำข้าว
ศาลปกครองกลาง พิพากษายกฟ้องคดี บุญทรง อดีต รมว.พาณิชย์ กับพวกรวม 4 คน ยื่นฟ้อง นายกฯ-รมว.-ปลัดพาณิชย์-ก.คลัง สั่งจ่ายค่าเสียหายคดีจำนำข้าว 15,000 ล้านบาทแต่มีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งให้ อดีต ผอ.ค้าข้าวฯ ชดใช้ 4,000 ล้านบาท เหลือ 2,600 ล้านบาท เหตุเพิ่งเข้า
ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาในคดีที่นายมนัส สร้อยพลอย ผู้ฟ้องคดี ที่ ๑ นายทิฆัมพร นาทวรทัต ผู้ฟ้องคดีที่ ๒ นายอัฐฐิติพงศ์ หรืออัครพงศ์ ทีปวัชระ หรือช่วยเกลี้ยง ผู้ฟ้องคดีที่ ๓ นายภูมิ สาระผล ผู้ฟ้องคดีที่ ๔ และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ผู้ฟ้องคดีที่ ๕ กับ นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ กระทรวงการคลัง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔
ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าฟ้องว่า ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสี่ที่มีคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ ลับ ที่ ๔๕๓/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๙ เรียกให้ผู้ฟ้องคดีทั้งห้ารับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่กระทรวงพาณิชย์ กรณีการระบายข้าวโดยเจรจาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ (G to G) โดยให้ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ ถึงที่ ๓ รับผิดเป็นเงินคนละ ๔,๐๑๑,๕๔๔,๗๕๒.๓๓ บาท ผู้ฟ้องคดีที่ ๔ รับผิดเป็นเงิน ๒,๒๔๒,๕๗๑,๗๓๙.๖๗ บาท และผู้ฟ้องคดีที่ ๕ รับผิดเป็นเงิน ๑,๗๖๘,๙๗๓,๐๑๒.๖๖ บาท
คดีมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยในสาระสำคัญว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และที่ ๒ มีคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่กระทรวงพาณิชย์ตามความเห็นของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าปฏิบัติหน้าที่ในการระบายข้าวโดยการแบ่งหน้าที่กันทำในลักษณะจงใจกระทำต่อกระทรวงพาณิชย์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นเหตุให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับความเสียหายตามสัญญาระบายข้าวรวม ๔ ฉบับ คิดเป็นเงินจำนวน ๒๐,๐๕๗,๗๒๓,๗๖๑.๖๖ บาท อันเป็นการกระทำละเมิดตามมาตรา ๔๒๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อค านึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทำและความเป็นธรรมในแต่ละกรณีแล้ว มีเหตุให้ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าไม่ต้องใช้เต็มจำนวนความเสียหายตามมาตรา ๘ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. ๒๕๓๙ การมีคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดี ๑ ที่ ๒ ที่ ๔ และที่ ๕ รับผิดในอัตราร้อยละ ๒๐ ของความเสียหายในแต่ละสัญญาที่แต่ละคนมีส่วนเกี่ยวข้อง จึงเป็นธรรมในแต่ละกรณีแล้วแต่ในส่วนของผู้ฟ้องคดีที่ ๓ เพิ่งมีส่วนเกี่ยวข้องเมื่อได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการสำนักบริหารการค้าข้าว
การมีคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีที่ ๓ รับผิดในอัตราร้อยละ ๒๐ เท่ากับผู้ฟ้องคดีที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๔ และที่ ๕ ในสัญญาฉบับที่ ๑และที่ ๒ ซึ่งบางส่วนเกิดขึ้นก่อนผู้ฟ้องคดีที่ ๓ จะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการสำนักบริหารการค้าข้าว จึงไม่เป็นธรรมการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และที่ ๒ มีคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ ลับ ที่ ๔๕๓/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๙ให้ผู้ฟ้องคดีทั้งห้าชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามความเห็นของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ เฉพาะส่วนของผู้ฟ้องคดีที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๔และที่ ๕ ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
แต่ในส่วนของผู้ฟ้องคดีที่ ๓ ที่ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเกินกว่าจำนวน ๒,๖๙๔,๔๖๔,๐๖๖.๒๑ บาท ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
พิพากษาเพิกถอนคำสั่งกระทรวงพาณิชย์ ลับ ที่ ๔๕๓/๒๕๕๙ ลงวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๙ เฉพาะในส่วนที่ เรียกให้ผู้ฟ้องคดีที่ ๓ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเกินกว่าจำนวน ๒,๖๙๔,๔๖๔,๐๖๖.๒๑ บาท ยกฟ้องผู้ฟ้องคดีที่ ๑ ที่ ๒ที่ ๔ และที่ ๕ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก