"ณัฐวุฒิ"ย้ำจุดยืนเดิมต่อสู้เพื่อปชต.ลั่นพร้อมอยู่เคียงข้าง"ม็อบคนรุ่นใหม่"
"ณัฐวุฒิ" เปิดใจครั้งแรกหลังได้รับอิสรภาพ ย้ำ จุดยืนเดิมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ลั่น พร้อมอยู่เคียงข้าง "ม็อบคนรุ่นใหม่" ระบุ ไม่มีแนวคิดฟื้นคนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหว เผย ยังไม่ได้คุย "จตุพร" นัดชุมนุม 4 เม.ย.นี้
30 มี.ค.2564 อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ "นปช." นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แถลงเปิดใจหลังครบกำหนดวันต้องโทษ ที่ได้เข้าร่วมโครงการพักโทษและถอดกำไล EM ได้รับอิสรภาพ โดยมีนายแพทย์เหวง โตจิราการ , นายก่อแก้ว พิกุลทอง , นางธิดา ถาวรเศรษฐ และนายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ ร่วมแถลง รวมถึงมวลชนเดินทางมาให้กำลังใจกันอย่างคึกคัก
โดยนายณัฐวุฒิ ได้ขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์และกรมคุมประพฤติ ซึ่งตลอดช่วงที่ถูกคุมประพฤติก็ปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด ไม่ได้เคลื่อนไหวทางการเมือง ส่วนตัวขณะนี้ ยังมีคดีความที่ต้องต่อสู้ ซึ่งเป็นผลพวงจากการเคลื่อนไหวในปี 2552 และ 2553 อีกหลายคดี แม้สถานะของตนยังเป็นผู้ต้องคำพิพากษาศาลฎีกา ทำให้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี แต่ในฐานะประชาชน ยังยืนยันจุดยืนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง
"ผมไม่รู้สึกเสียใจที่เลือกเส้นทางสายนี้ และมีคดีความมากมาย ติดคุกมาแล้ว 3 ครั้ง และ ไม่แน่ใจจะมีอีกกี่ครั้ง ความเจ็บปวดผมรับได้ ภาระที่ต้องแบกรับไม่หวั่นไหว และขอย้ำจุดยืน คือ อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ภายใต้หลักการคนเราเท่าเทียมกัน"
ส่วนกรณีการนัดชุมนุมในวันที่ 4 เมษายนของประธาน นปช. นายจตุพร พรหมพันธุ์ นั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยแนวทางการเมืองกับนายจตุพร แต่เห็นว่านายจตุพร และหลายคนที่ออกมาเคลื่อนไหวก็มีศักยภาพอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ในฐานะที่เป็นอดีตแกนนำ นปช. ยังไม่มีแนวคิดเคลื่อนไหวนำมวลชนคนเสื้อแดงออกมาชุมนุมใหญ่ หรือ ชุมนุมร่วมกับกลุ่มอื่นๆในขณะนี้
นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษา ว่า ตนไม่อยู่ในสถานะที่ประเมินการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิตและอิสรภาพ เพราะเมื่อแกนนำตัดสินใจที่จะกล้าออกมา ทุกคนก็ถือว่าอยู่ในสถานะเดียวกันกับตน มีเกียรติและศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน แต่ขอแสดงตัวที่จะยืนเคียงข้างนักศึกษา และประชาชนที่กำลังต่อสู้อยู่ ซึ่งที่ผ่านมาได้พบกับแกนนำที่ถูกคุมขังในเรือนจำ ก็ได้พูดคุยแสดงความห่วงใย และ เอาใจช่วย เพราะเชื่อว่า การต่อสู้ของคนรุ่นใหม่ เป็นพลังบริสุทธิ์ที่ต้องการเห็นประเทศมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้ถูกล้างสมองหรือชักจูงโดยใคร
"อนาคตของประเทศจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าอนาคตของชาติยังอยู่ในห้องขัง สิ่งที่เกิดขึ้นที่คนรุ่นใหม่ออกมาต่อสู้ เป็นสิ่งที่คนรุ่นเราต้องรับผิดชอบ ถ้าประเทศดี เด็กเหล่านี้ต้องอยู่ในห้องเรียน ไม่ใช่ห้องขัง ดังนั้นต้องเอาเขาออกจากห้องขัง โดยคนที่เกี่ยวข้องจะต้องมานั่งหารือ ทำความเข้าใจ พูดคุยถึงปัญหาที่แท้จริง ด้วยบรรยากาศของความปราถนาดีต่อกันและกัน"
นายณัฐวุฒิ ยังได้เปิดเผยถึงความเป็นไปได้ที่จะขึ้นเวทีปราศรัยนำมวลชนเคลื่อนไหว ว่า เมื่อพิจารณาจากแกนนำที่มีอยู่ปัจจุบัน ตนถือว่ามีความอาวุโสกว่า ทำให้ต้องตระหนักถึงความรอบคอบรัดกุม อีกทั้งแกนนำที่เคลื่อนไหวอยู่ได้ทำงานร่วมกันมา มีวันเวลา ประวัติศาสตร์ร่วมกัน ขณะนี้จึงไม่ใช่วันที่ตนจะมาประกาศ ว่าจะมาแกนนำต่อสู้แทนคนที่ต่อสู้อยู่ในปัจจุบัน แต่ในอนาคตหากสถานการณ์เกิดความจำเป็นก็เป็นเรื่องที่ต้องว่ากันอีกครั้ง