
เมื่อ"บูรพาพยัคฆ์"ฮึ่มปฏิวัติทำได้...แต่...
ไม่ใช่เรื่องปกติทั่วไปที่หน่วยขึ้นตรงของกองทัพบก ออกมาแสดงพลังจุดยืน ต่อต้าน พฤติการณ์ของ เสธ.แดง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก
โดยเฉพาะถิ่น “บูรพาพยัคฆ์” ที่ออกมาแสดงพลังกันเป็นเจ้าแรก คือ กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ร.2 รอ.) ค่ายจักรพงษ์ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี
หลังจากที่ พล.ต.ขัตติยะตะเบ็งเสียง “ข่มขู่” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ถึงขั้นอาฆาต หากไม่ยอมเซ็นคำสั่งให้กลับเข้ารับราชการในต้นสังกัดเดิมภายใน 1 เดือน
นายทหารที่ออกมาแสดงพลังครั้งนี้ นำโดย พ.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ นำกำลังพลในสังกัด 3 กองพัน จัดพิธีรวมพลังปกป้องสถาบันทหาร โดยมีตัวแทนทหารนำหนังสือมอบเป็นกำลังใจให้ พล.อ.อนุพงษ์ ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูงสุด
ขณะที่ ค่ายพรหมโยธี กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ พล.ต.วลิต โรจนภักดี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ นำกำลังพลสังกัดกองทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ และหน่วยขึ้นตรงกว่า 1,000 นาย ทำพิธีปฏิญาณตน เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีระเบียบวินัย
ส่วน กองบังคับการกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ นำโดย พ.อ.ธรรมนูญ วิถี รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ พร้อมด้วยผู้บังคับกองพัน ร.12 พัน.1 พัน.2 และพัน.3 กว่า 600 นาย ร่วมพิธีกล่าวคำปฏิญาณตนว่าจะปกป้องเทิดทูนสถาบัน และปกป้องประเทศชาติ ให้มีระเบียบวินัย
แม้ว่าก่อนหน้านี้เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 11 นำโดย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบ.ทบ. พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา และ พล.ต.วิฑูรย์ ดิษยบุตร ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ได้พูดคุยกับพล.ต.ขัตติยะหลังถูกสั่งพักราชการ เพื่อขอให้หยุดการเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อจะได้กลับเข้ารับราชการต่อ แต่พล.ต.ขัตติยะปฏิเสธไมตรีที่หยิบยื่นจากเพื่อนร่วมรุ่น
ที่ผ่านมา พล.อ.เสถียรพร้อมเพื่อนร่วมรุ่นอีกหลายคนได้นัดหารือที่หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ถึงกรณีของพล.ต.ขัตติยะอีกครั้ง ก่อนจะมีมติของเตรียมทหารรุ่น 11 เป็นเอกฉันท์ทั้งหมด 5 ข้อ ดังนี้ คือ 1.เตรียมทหารรุ่น 11 จะไม่เข้าไปสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดที่ดำเนินการอันเกี่ยวเนื่องกับการเมือง 2.การดำเนินการทางการเมืองของสมาชิกคนหนึ่งคนใดภายในเตรียมทหารรุ่น 11 ถือเป็นความคิดเห็นส่วนตัวบุคคล เพราะแต่ละคนอาจมีความเห็นแตกต่างกัน แต่จะไม่ยอมให้ใช้รุ่นเป็นฐานในการสนับสนุนความเห็นของบุคคลผู้นั้น แต่หากใครจะสนับสนุนผู้ใด ขอให้เป็นเรื่องส่วนตัวของคนผู้นั้น
3.เตรียมทหารรุ่น 11 จะดูแลความเดือดร้อนของสมาชิกและครอบครัวหากได้รับการร้องขอ 4.เตรียมทหารรุ่น 11 สนับสนุนแนวทางการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และ 5.เตรียมทหารรุ่น 11 จะยึดถือและปฏิบัติตามแบบธรรมเนียมทหารอย่างเคร่งครัด
ในวันที่ 28 มกราคม เวลา 14.00 น. ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ กำลังพลจากหน่วยขึ้นตรงจากกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) และกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) จะร่วมกันแถลงจุดยืนในการปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของพล.อ.อนุพงษ์
การออกมาเคลื่อนไหวของหน่วยขึ้นตรงกองทัพบกครั้งนี้ เป็นการประกาศจุดยืนชัดว่า กองทัพภายใต้การกำกับดูแลของพล.อ.อนุพงษ์ ไม่เอาพล.ต.ขัตติยะแล้ว
ที่สำคัญกองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ (ม.พัน.4 รอ.) ซึ่งเป็นแหล่งที่พักพิงของพล.ต.ขัตติยะ ยังถูก พ.ท.ชินสรณ์ เรืองศุข ผู้บังคับกองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ ที่ได้รับคำสั่งจาก พล.ต.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) สั่งห้ามพล.ต.ขัตติยะ เข้าออกภายใน ม.พัน.4 รอ. โดยมีคำสั่งตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม
แม้ว่าคำสั่งจะมีความชัดเจนที่สั่งห้ามพล.ต.ขัตติยะเข้าออกภายใน ม.พัน.4 รอ.ก็ตาม แต่ในฐานะที่เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่อยู่ภายใน ม.พัน.4 รอ.มาช้านาน หากจะเข้าออกจะต้องถูกเจ้าหน้าที่จากกองรักษาการณ์ตรวจอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะไม่อนุญาตให้มีการพกพาอาวุธเข้าไปอย่างเด็ดขาด
แต่ที่น่าสนใจการเคลื่อนไหวของ “ค่ายบูรพาพยัคฆ์” ครั้งนี้ แทนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือผู้ที่เป็นปัญหาโดยตรงอย่าง พล.อ.อนุพงษ์ กลับไม่ได้แสดงอาการออกมาให้เห็น
ทว่าคนที่ออกหน้าออกตาในครั้งนี้ คือน้องเล็กคนสุดท้อง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รองผู้บัญชาการทหารบก หรือว่าที่แม่ทัพบกคนที่ 37
"นักสังเกตการณ์ด้านการทหาร" สังเคราะห์ปรากฏการณ์ ณ “ค่ายบูรพาพยัคฆ์” นี้ว่า เป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่ธรรมดา และอาจกล่าวได้ว่า ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของกองทัพไทย ก็ว่าได้ ที่เหล่าแม่ทัพระดับกุมกำลัง จะพร้อมใจออกมาเอกเซอร์ไซส์ เพื่อปกป้องสถาบันให้เห็นกันจะจะ แบบนี้
"อย่าไปมองแค่ชั้นเดียว นี่คงไม่ใช่เพียงแค่ปราม เสธ.แดง เท่านั้น แต่กองทัพ กำลังจะบอกต่อคนเสื้อแดง ผ่านไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่าอย่าได้คิดที่จะทำให้บ้านเมืองวุ่นวายไปกว่านี้เลย ถ้าเกิดอะไรขึ้นกองทัพก็พร้อมที่จะเข้ามาจัดระเบียบบ้านเมืองในวิถีของทหาร ซึ่งหมายถึงการปฏิวัตินั่นเอง" นักวิเคราะห์ด้านการทหาร ระบุ
อย่างไรก็ดี ในประเด็น "ปฏิวัติ" นั้น "นักวิเคราะห์การข่าวของกองทัพ" ดูจะยอมรับว่า คงไม่ราบรื่นเหมือน เหตุการณ์วันที่ 19 กันยายน 2549 แน่ เพราะสถานภาพของกองทัพในขณะนี้ ได้ถูก "ปัจจัยสีเทา" และปัจจัยสังคมที่แบ่งสี "เหลือง-แดง" จนทำให้ประเทศเกิดความแตกแยกอย่างชัดเจน
"ถ้าจะปฏิวัติ ก็ทำได้ แต่คงไม่ง่าย เพราะถ้าทำก็หมายถึงนองเลือด คนเสื้อแดงเขามีประสบการณ์จากวันสงกรานต์เลือด ที่ถือแต่ไม้ ก้อนหิน สู้ยังไงก็แพ้กองทัพ แต่ครั้งนี้เสื้อแดงจะเพียบพร้อมด้วยสรรพกำลัง และเปิดยุทธการตีป่าล้อมเมือง ด้วยการสร้างความปั่นป่วนต่อสถานที่สำคัญ ในเขตเมืองของแต่ละจังหวัด"...นักวิเคราะห์ รายนี้ ให้ทัศนะ
ทีมข่าวความมั่นคง