ตร.เตือนภัย ระวังถูกหลอกลงทุน Cryptocurrency
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนระวังตกเป็นเหยื่อถูกหลอกลงทุน Cryptocurrency หลังพบมีการกระทำความผิดเกิดขึ้นหลายครั้ง พร้อมฝาก 3 แนวทาง ป้องกันการถูกหลอกไม่ให้สูญเงิน
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ส่งผลกระทบกับนักลงทุนในตลาดหุ้น หรือกองทุนต่างๆ ทำให้นักลงทุนเหล่านั้น เริ่มมองหาช่องทางการลงทุนใหม่ ซึ่งการลงทุนที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบันคือ การลงทุน Cryptocurrency หรือการลงทุนทางเลือกใหม่ เป็นการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ที่อยู่ในบล็อกเชน แต่ก็ยังมีมิจฉาชีพหาช่องว่างในการลงทุน Cryptocurrency กระทำการหลอกลวงนักลงทุนให้ลงเชื่อยอมลงทุนจำนวนมาก ซึ่งจากช่วงที่ผ่านมาก็พบว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง โดยรูปแบบก็จะคล้ายๆเดิม เพียงแต่ในปัจจุบันกระแสของ Cryptocurrency กำลังได้รับความนิยม ก็จะมีการล่อลวงให้ผู้เสียหายลงทุน Cryptocurrency ซึ่งก็เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงกลอุบายเพียงเล็กน้อย แต่เป้าหมายนั้นก็ยังไม่ต่างจากกลโกงในรูปแบบอื่นๆ
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมา มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี ว่าในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทางผู้เสียหายได้พูดคุยกับหญิงชาวจีนคนหนึ่ง ผ่านไลน์ จนสนิทสนมกัน จากนั้นหญิงชาวจีนคนดังกล่าวได้ชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุน Cryptocurrency โดยการให้ไปซื้อเหรียญ Crypto ในสกุลหนึ่ง และโอนไปให้ผู้ต้องหา เป็นจำนวน 4 ครั้ง ยอดเงินรวม 1.9 ล้านบาท ผ่านเว็บไซต์ซึ่งขายเหรียญ Crypto อีกสกุลหนึ่ง
ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่าการลงทุนซื้อเหรียญดังกล่าวมีผลตอบแทนสูง จากนั้นเมื่อผู้เสียหายต้องการถอนเงิน ผู้ต้องหาก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด จนวันที่ 4 มิถุนายน 2564 ทางผู้เสียหายก็ยังไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ การกระทำลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดฐาน โดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง ตาม พรบ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 (1) วรรคท้าย มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องโดยดูจากพฤติการณ์แต่ละกรณีมาประกอบ
อย่างไรก็ตาม รองโฆษก ตร. ยังได้ฝากเตือนภัยและประชาสัมพันธ์แนวทางการป้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อดังนี้
1. ควรศึกษาทำความเข้าใจกับสิ่งที่จะนำเงินไปลงทุนด้วยทุกครั้ง โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ ควรมีความเข้าใจในระบบ ว่ามีกลไกการทำงานอย่างไร หรือหากมีความรู้ความเข้าใจควรจะเข้าไปศึกษาตัวโค้ด smart contract ของระบบเพิ่มเติมว่ายังมีจุดบกพร่องใดอยู่ และถ้าระบบนั้นได้รับการตรวจสอบ (audit) จากผู้ให้บริการ audit ควรไปศึกษาผลการ audit เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน
2. หากเลือกที่จะลงทุนในโลกออนไลน์แล้ว ควรติดตามข่าวสารของบริษัทที่ลงทุนอยู่เสมอ เพราะหากบริษัทใดมีความเสียหายเนื่องจากตัวบริษัทเอง หรือโดน Hack ระบบข้อมูล ก็อาจส่งผลกระทบต่อนักลงทุน
3. ผู้ที่สนใจลงทุนใน Crypto ควรศึกษาข้อมูลบริษัทที่ได้รับอนุญาตประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น www.sec.or.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของทาง ก.ล.ต. เป็นต้น และขอฝากประชาสัมพันธ์เพิ่มเติม ให้ผู้เสียหายรายอื่นๆ ในคดีลักษณะเดียวกันนี้ ไปร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนในท้องที่ที่เกิดเหตุ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายในทุกมิติต่อไป