ลดน้ำหนักแบบ "IF" ได้ผลจริงหรือไม่
เทรนด์การดูแลสุขภาพในยุคปัจจุบัน ไม่ใช่เพียงการหันมาการออกกำลังกายกันมากขึ้น แต่หลายคนยังให้ความสนใจกับควบคุมการทานอาหาร ด้วยวิธีการทานอาหารแบบ "IF" ซึ่งช่วยให้น้ำหนักลดลงอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า กระแสการดูแลสุขภาพในยุคปัจจุบัน นอกจากการหันมาออกกำลังกายกันมากขึ้น ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย หลายคนมีเป้าหมายเพียงเพื่อทำให้ร่างกายแข็งแรงเท่านั้น แต่สำหรับสาวๆแล้วเชื่อว่าสาวๆหลายคนน่าจะต้องการลดน้ำหนักอีกด้วย แต่การออกกำลังกายเพียงพอที่จะทำให้น้ำหนักลดลง แต่จะต้องทำควบคู่ไปกับการคุมอาหารไปด้วย
วิธีลดน้ำหนักแบบ IF เป็นอีก 1 วิธี ที่น่าจะคุ้นหู กันพอสมควร แต่ IF คืออะไร จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้จริงหรือ เราจะมาทำความรู้จักในฉบับง่ายๆไปพร้อมๆกัน
การลดน้ำหนักแบบ IF หรือ Intermitent Fasting คือ วิธีลดน้ำหนักที่คิดค้นโดยทีมแพทย์ เป็นการลดน้ำหนักด้วยการกินอาหารเป็นช่วงเวลา (Feeding) และปล่อยให้ร่างกายหยุดรับอาหารเป็นช่วงเวลา (Fasting) แต่ทั้งนี้หลังการลดน้ำหนักแบบ ก็มีเงื่อนไขที่สำคัญอยู่ 3 ข้อ คือ ต้องงดอาหาร 1 มื้อในแต่ละวัน หลีกเลี่ยงการกินอาหารมื้อดึก และ กินอาหารตามปกติในช่วงเวลา Feeding 8 ชั่วโมง
สำหรับวิธีการลดทานอาหารแบบ IF มีด้วยกันหลายวิธีที่ได้รับความนิยม อาทิ
1. 12/12 ทาน 12 ชม. งด 12 ชม. สำหรับผู้ที่เริ่มต้นทำ IF น่าจะเริ่มจากวิธีนี้ดีที่สุด เมื่อร่างกายปรับได้แล้วจึงค่อยๆเพิ่มระยะเวลาของการอดมากขึ้น
2. 8/16 ทาน 8 ชม. งด 16 ชม. วิธีนี้ได้รับความนิยมมากสำหรับผู้ที่ทำ IF เนื่องจากช่วงเวลาที่อดอาหาร ถือเป็นระยะเวลาที่ร่างกายรับได้
3. 5/19 ทาน 5 ชม. งด 19 ชม.
4. ทานอาหารวันละ 1 มื้อ เลือกงดทานอาหารในมื้อที่เราไม่หิว เช่น มื้อเช้า
5. งดอาหาร 1วันเต็ม วิธีนี้อาจทำได้อาทิตย์ละ 2 ครั้ง
ส่วน ข้อดี ข้อเสียของการลดน้ำหนัก แบบ IF
ข้อดี
ช่วยให้น้ำหนักลดได้จริงเพราะช่วงที่อดอาหาร อินซูลินจะหลั่งออกมาน้อย เพราะร่างกาย มีการดึงเอาไขมันออกมาใช้มากขึ้น เมื่อทำไปนานๆไขมันจะลดลงด้วย , เรายังเลือกทานอาหารได้ตามปกติ , สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ หรือ เพิ่มกล้ามเนื้อ สามารถทำได้ง่ายขึ้น
ข้อเสีย
ลดน้ำหนักแบบ IF อาจจะส่งผลให้ฮอร์โมนเพศหญิงผิดปกติซึ่งอาจทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ , ช่วงแรกของการกินแบบ IF อาจทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย แต่เมื่อร่างกายปรับตัวได้แล้วอาการเล่านั้นก็จะหายไป และ IF ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว อาทิ ความดันโลหิตต่ำ เบาหวาน เป็นต้น รวมถึงหญิงตั้งครรภ์
จะว่าไปแล้วการทำ IF เป็นการปรับพฤติกรรมการกินของแต่ละคน ให้สอดคล้องกับหลักความต้องการร่างกายของแต่ละบุคคล แต่ทั้งนี้การทำ IF ต้องคำนึงถึงสุขภาพเป็นหลัก
ขอบคุณข้อมูล https://allwellhealthcare.com/
ขอบคุณภาพ https://pixabay.com/