รอง โฆษก ตร. แนะญาติเหยื่อ ฟ้องแพ่ง "คลินิกศัลยกรรม" ทำสาวดับ
รอง โฆษก ตร. แนะญาติเหยื่อ ฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย "คลินิกศัลยกรรม" ทำสาวดับ เผยเข้าข่ายความผิด ข้อหากระทำโดยประมาทฯ และฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคฯ
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง โฆษก ตร.) กล่าวถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้เสนอเรื่องราวเกี่ยวกับกรณีที่มีผู้เสียชีวิตจากการเข้าใช้บริการสถานเสริมความงามผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า
กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2564 พนักงานสอบสวน สน.เตาปูน ได้รับคำร้องทุกข์จากแม่ของผู้เสียชีวิต เนื่องจากลูกสาวของผู้แจ้ง ได้ซื้อคอร์สเสริมความงามผ่านทางเฟซบุ๊กในราคาพิเศษ และเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมที่คลินิกศัลยกรรมแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2564
หลังจากการผ่าตัดผู้เสียชีวิตมีอาการชักเกร็ง หายใจไม่ออก แพทย์ก็ได้ทำการปฐมพยาบาล ก่อนจะส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่นและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทางแม่ของผู้เสียชีวิตจึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.เตาปูน เพื่อดำเนินคดีกับทางคลินิกศัลยกรรมดังกล่าวจนถึงที่สุด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำในส่วนที่เกี่ยวข้อง และตรวจสอบใบอนุญาตในการประกอบกิจการ, ใบประกอบวิชาชีพของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และนำพยานหลักฐานที่ปรากฎมาประกอบในการดำเนินคดีต่อไป
การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐาน กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรค หรือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มาตรา 35 มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามพฤติการณ์และพยานหลักฐานที่ปรากฎ ทั้งนี้ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องทางแพ่งเพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทนจากเจ้าของคลินิกและผู้เกี่ยวข้องได้อีกทางหนึ่ง
รองโฆษกตร. ฝากประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ถึงข้อควรระมัดระวังก่อนจะตัดสินใจทำศัลยกรรมดังนี้ ควรเลือกทำกับสถานเสริมความงามที่น่าเชื่อถือ มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย ปลอดภัย รวมถึงควรเลือกแพทย์ที่มีความรู้ ความชำนาญ มีประสบการณ์ ที่สำคัญต้องมีใบประกอบวิชาชีพด้วย และควรเข้าไปปรึกษาพูดคุยที่สถานเสริมความงาม กับแพทย์ด้วยตนเอง
อย่าตัดสินใจเลือกเพียงเพราะเห็นโฆษณาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่ามีข้อเสนอที่ดี ราคาถูกเท่านั้น ทั้งนี้ต้องตรวจเช็คและเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนเข้ารับการผ่าตัด ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยมีกรณีลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นหลายครั้ง และขอให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ต่อไป