โฆษก ศบศ. มั่นใจ "เปิดประเทศใน 120 วัน" ทำได้แน่ | คมชัดลึก

18 มิ.ย.64   นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) กล่าวถึงกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์รายการ "คมชัดลึก" โดยแสดงความไม่มั่นใจว่า รัฐบาลพร้อมเปิดประเทศภายใน 120 วัน หรือไม่ และจะฉีดวัคซีนทันหรือไม่ว่า ด้วยความเคารพนายอภิสิทธิ์ ตนอยากจะบอก นายอภิสิทธิ์ว่า รัฐบาลเตรียมความพร้อมทุกอย่างในการที่จะเปิดประเทศภายใน 120 วัน  โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เร่งดำเนินการตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ โดยเฉพาะการเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชน ซึ่งปัจจุบันเรามั่นใจว่าจะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้โดยเฉลี่ยประมาณเดือนละกว่า 10 ล้านโดส หากวัคซีนส่งมาเพียงพอในแต่ละเดือน และหากเป็นไปตามแผน ประมาณเดือนตุลาคมจะมีประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อยเข็มแรกจำนวน 50 ล้านคน เพราะการได้รับวัคซีนแม้แค่เพียงเข็มแรกก็สามารถช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันและช่วยลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตได้ในระดับที่มากพอสมควรแล้ว ซึ่งหากการฉีดวัคซีนเป็นไปตามแผน ก็จะสอดคล้องกับระยะเวลาของการเปิดประเทศใน 120 วัน 

นายธนกร กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันว่า ภารกิจสำคัญในเวลานี้ คือต้องทำให้ทุกคนสามารถกลับมาทำมาหากินกันได้ปกติอีกครั้งโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเราต้องทำใจว่า ทั่วโลกยังจะต้องอยู่กับไวรัสนี้ต่อไปอีก ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถรอจนไวรัสนี้หมดไปจากโลก และเราก็ไม่สามารถรอจนทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสกันถ้วนหน้าก่อนแล้วจึงค่อยเปิดประเทศ เพราะจะทำให้การฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นไปอย่างยากลำบาก พล.อ.ประยุทธ์ทราบดีว่า การเปิดประเทศภายใน 120 วันมาพร้อมกับความเสี่ยง เพราะเมื่อเราเปิดประเทศ ไม่ว่าเราจะเตรียมการป้องกันขนาดไหนก็ตาม ก็ยังมีความเป็นไปได้ว่า อาจจะทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นบ้าง แต่เมื่อเราประเมินสถานการณ์ในอีก 120 วันข้างหน้าแล้วว่าคนไทยโดยส่วนมากได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกและมีภูมิคุ้มกันในระดับพอสมควรแล้ว หากมีการติดเชี้อ ความรุนแรงของอาการก็จะไม่มากนัก และโอกาสเสียชีวิตน้อยลงกว่าเดิมมาก หากมองถึงประเด็นนี้แล้วอาจเป็นความเสี่ยงที่คิดว่าเราควรจะรับได้ จึงต้องรีบกลับมาดูในเรื่องของการเยียวยาและการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้เร็วที่สุด และคิดถึงความอยู่รอดในการทำมาหากินของพี่น้องประชาชน เพื่อให้ประเทศและทุกคนเดินหน้าต่อไปได้ โดยเราจะเริ่มนำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาแบบ Sandbox ที่จังหวัดภูเก็ต

นายธนกร กล่าวว่า ในส่วนของนักท่องเที่ยวนั้น ไม่ได้หมายความว่าใครก็ได้ที่จะเดินทางมาประเทศไทย นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาได้มีเงื่อนไขว่าจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสเรียบร้อยแล้วเท่านั้น เพราะเมื่อฉีดวัคซีนครบโดสแล้วจะมีภูมิคุ้มกันและมีโอกาสแพร่เชื้อได้น้อย จึงขอให้ประชาชนมั่นใจเกี่ยวกับเงื่อนไขการเปิดรับนักท่องเที่ยวดังกล่าว นอกจากนี้ เราควรรีบดำเนินการตามแผนการฉีดวัคซีนให้เสร็จสิ้นโดยเร็วควบคู่กันไปด้วย ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ตั้งข้อสังเกตเรื่องความโปร่งใสของการบริหารจัดการและการกระจายวัคซีนนั้น รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก การกระจายวัคซีนต้องเป็นไปตามที่ ศบค.พิจารณาไว้ วัคซีนตัวไหนเข้ามาเมื่อไหร่ รัฐบาลก็จัดทำแผนไว้ชัดเจน รวมถึงการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมไว้ใช้สำหรับปีหน้าอีกด้วย ในส่วนของการจัดหาและการจัดสรรการฉีดวัคซีน ประชาชนสามารถช่วยกันตรวจสอบและเข้าไปดูข้อมูลรายงานความก้าวหน้าการให้บริการฉีดวัคซีนรายวันได้ที่เว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค 

นายธนกร กล่าวอีกว่า ในส่วนของมาตรการเยียวยาและมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ รัฐบาลให้ความสำคัญมาโดยตลอด และให้ความสำคัญกับคนทุกกลุ่ม ดังจะเห็นได้จากมาตรการเยียวยาและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาหลากหลาย เพราะคนที่ได้รับผลกระทบไม่ได้มีแค่กลุ่มผู้ประกอบกิจการร้านค้าเท่านั้น แต่ประชาชนคนทั่วไปก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน มาตรการต่าง ๆ ที่รัฐออกมาแต่ละช่วงจึงเป็นมาตรการที่ออกมารองรับคนทุกกลุ่ม เช่น มาตรการช่วยเหลือกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ช่วยค่าอุปโภค/บริโภค ค่าเดินทาง ค่ารถเมล์ รถไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม ค่าน้ำ ค่าไฟ ในส่วนของโครงการเราชนะ "โครงการ ม.33"  "เรารักกัน" เป็นการเยียวยาให้กับประชาชนทั่วไปและผู้ประกันตนและเป็นช่วงที่อยู่ในระหว่างสถานการณ์ที่เริ่มจะมีการระบาดของโควิดมาก และประชาชนได้รับผลกระทบมาก นอกจากนี้ "โครงการคนละครึ่ง" และ "โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้" เป็นโครงการที่รัฐมีนโยบายช่วยเหลือประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจ เกิดการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ ทำให้ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน  ดังนั้น อยากจะให้นายอภิสิทธิ์เข้าใจว่า รัฐบาลพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศกลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว