ดราม่า "แม่ค้าน้ำส้ม" บทเรียนสำคัญคนทำธุรกิจ ป้องกันตัวเองจากแก๊งตีกิน
กรณี "แม่ค้ำน้ำส้ม" นับเป็นอีกหนึ่งบทเรียนให้กับผู้ประกอบการทุกวงการ หากจะลงมือทำธุรกิจควรศึกษาข้อกฎหมายให้ดีเสียก่อน เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่าง
แม้ว่ากระแสดราม่า "แม่ค้าน้ำส้ม" ที่ยืนยันว่าถูกกลุ่มเเจ้าหน้าที่หน่วยราชการหนึ่งล่อซื้อน้ำส้ม จำนวน 500 ขวด ก่อนจะถูกกลุ่มเจ้าหน้าที่ดังกล่าวเข้ามารีดไถ่เงินค่าปรับ เนื่องจากผลิตน้ำส้ม ไม่ได้มีใบอนุญาต ซึ่งแม่ค้าน้ำส้ม ยอมจ่ายเงินไป 12000 บาท
ขณะที่ทางด้าน สรรพสามิต ได้มีเรียกชุดเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปที่ร้านน้ำส้มในวันเกิดเหตุมาสอบสวน โดยมีการตั้งคระกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วก็ตาม
แต่หลังจากนี้หากไม่มีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง ผลการสอบอาจจะหายไปตามกระแสข่าวที่เงียบหายไป
เหตุการณ์ "แม่ค้าน้ำส้ม" ครั้งนี้ไม่ใช่เป็นเหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้น แต่ทว่าที่ผ่านมาในหลายวงการไม่ใช่เพียงวงการเครื่องดื่มเพียงอย่างเดียว เคยเกิดขึ้นลักษณะใกล้เคียงกัน
ก่อนหน้านี้ในบ้านเราเคยมีอยู่ยุคหนึ่งที่ตกเป็นกระแสดราม่าอย่างการเรียกเก็บ "ค่าลิขสิทธิ์เพลง"
"ค่าลิขสิทธิ์เพลง" ตามหลักกฎหมายแล้วค่ายเพลง หรือ เจ้าของเพลง มีสิทธิ์ อย่างถูกต้องตามกฎหมายที่สามารถเรียกเก็บได้ตามเงื่อนไขแต่ล่ะราย
แต่มีกลุ่มแก๊งมิจฉาชีพนำข้อกฎหมายส่วนนี้ไปหากิน หรือ ตีกิน ตามร้านอาหาร ต่าง ๆ ที่จะต้องมีการเปิดเพลงให้ลูกค้าฟัง โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ที่บางร้านอาจไม่ทราบข้อกฎหมายดังกล่าว
พวกตีกินลักษณะนี้ จะทำทีเข้ามาในร้านอาหาร ก่อนจะขอให้ทางร้านเปิดเพลงที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย ละเมิดลิขสิทธิ์ ทั้งที่ร้านอาหารนั้นไม่ได้เปิดเพลงที่ผิดลิขสิทธิ์ก่อนหน้า ซึ่งในจุดนี้เองจึงเป็นช่องทำให้พวกตีกิน ขู่กรรโชกรีดเงินจากทางร้านได้
ซึ่งบางร้านไม่อยากให้เกิดปัญหาจึงยอมจ่ายเงินพวกนี้ไป ทั้งที่ยังไม่ได้มีการตรวจสอบเลยว่ากลุ่มคนที่เข้ามาเรียกเงินเป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจริงหรือไม่
อย่างไรก็ดีแม้ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจริง แต่การล่อซื้อ หรือ ล่อให้กระทำความผิด นั้น ทางเจ้าหน้าที่เองมีความผิดหรือไม่
และอีกหนึ่งตัวอย่างที่ชัดเจน คือ กรณีกระทงลายละเมิดลิขสิทธิ์การ์ตูน ที่เกิดขึ้นกับเด็กนักเรียน ก็ถูกพวกคนรู้กฎหมาย เอาช่องว่างเหล่านี้มาหาประโยชน์ ตีกิน กับประชาชน
หลายเหตุการณ์ถือว่าเป็นบทเรียนสำคัญให้แก่เหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้าทุกวงการ หากคิดจะลงมือทำธุรกิจอะไรก็ตาม ต้องศึกษาหาข้อมูลให้ดี เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อแก๊งตีกินแบบนี้ได้
ส่วนหน่วยงานต่าง ๆ ก็ต้องเข้มงวดและมีบทลงโทษให้จริงจังกับกลุ่มคนที่แตกแถว เพื่อให้พวกคนเหล่านี้ทำความเสื่อมเสียให้กับหน่วยงาน และจะได้ไม่ถูกเหมารวมจากคนนอกว่าหน่วยงานมีส่วนรู้เห็น หรือ ช่วนเหลือ