เชอร์รี่ หนูผีโดนแฮ็กอีเมลหลอกเพื่อนโอนเงินช่วยเหลือ | คมชัดลึก

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 4 กุมภาพันธ์ นางเชอร์รี่ เอ็ดเวิร์ดส หรือเชอร์รี่ ผุงประเสริฐ หรือเชอร์รี่ หนูผี นักแสดงชื่อดัง อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 690 ซอยลาดพร้าว 87 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. พร้อมด้วยมารดาและเพื่อนสาว เข้าพบ พ.ต.ต.เดชาภิวัจน์ เดชศรี พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.ทองหล่อ ภายหลังถูกมือดีแฮ็กอีเมลแอสเดรส แล้วนำไปส่งข้อความหลอกเพื่อนในเมลว่าเดือดร้อนต้องการเงิน

 เชอร์รี่ กล่าวว่า ก่อนหน้าประมาณ 1 อาทิตย์ มีข้อความส่งทางอีเมลระบุว่าหากยังต้องการใช้อีเมลนี้ต่อไปให้ส่งชื่อนามสกุลและรหัสกลับมา ตนเห็นว่าเป็นอีเมลที่ใช้มานาน และมีอีเมลเพื่อนๆ ทั้งสมัยเรียนไฮสคูลและทั้งอีเมลทางธุรกิจจำนวน 300-500 อีเมล จึงไม่อยากเปลี่ยนใหม่ จึงส่งกลับไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ กระทั่งเช้านี้มีโทรศัพท์จากเพื่อนๆ จำนวนมากสอบถามว่าตนเป็นอย่างไรบ้าง ได้รับบาดเจ้าอะไรไหม จะส่งเงินไปให้ ก็งง จึงสอบถามกลับไปก็ได้ความจากเพื่อนว่าได้รับข้อความจากอีเมลตนว่าถูกปล้นและถูกยึดของทุกอย่างไป อีกทั้งยังถูกจับตัวไว้ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย อยากให้ช่วยเหลือ โดยให้ส่งเงินมาในชื่อนามสกุลของตน ที่อยู่ 1563,Jalan Tun Razak 50400 Kuala Lumpur Malaysia เป็นเงิน 2,550 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ตกใจมาก 

 นักแสดงสาว กล่าวต่อว่า สาเหตุที่มาแจ้งความ เนื่องจากกลัวว่าจะมีคนรู้จักใจบุญส่งเงินไปให้ตามที่ส่งมาในอีเมล และอยากเตือนผู้ที่ใช้อีเมลทั้งหลายว่าหากมีข้อความส่งมาบอกให้ส่งรหัสหรือข้อมูลส่วนตัวให้ก็ไม่ควรส่งกลับไป แต่หากใช้อีเมลแอสเดรสประจำก็ให้พยายามเปลี่ยนรหัสอยู่ตลอดเวลา จะเป็นการดีกว่า และหากได้รับอีเมลจากเพื่อนๆ ว่าเดือดร้อน ก็อย่าหลงเชื่อในทันที ให้เช็กก่อน โดยการโทรศัพท์ไปสอบถามเจ้าตัวหรือครอบครัวเขาว่าจริงหรือไม่จริงแต่อย่างใด

 พ.ต.ต.เดชาภิวัจน์ กล่าวว่า จะตรวจสอบว่าคนร้ายใช้ไอพีในประเทศหรือไอพีต่างประเทศ หากเป็นในประเทศก็จะติดตามตัวมาดำเนินคดี แต่ถ้าเป็นไอพีต่างประเทศคงจะเป็นเรื่องยาก แต่ก็ถือว่าดีที่เดินทางมาแจ้งความเพราะจะได้เป็นการเตือนประชาชนให้ระวังตัวในการรับส่งข้อมูลกันมากขึ้น ส่วนความผิดในกรณีนี้คงเป็นข้อหาเข้าถึงข้อมูลในคอมพิวเตอร์ผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตกับผู้ใดทำให้เสียหายทำลายแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนของข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ