ข่าว

6 ก.ค.ศาลปค.สูงสุดอ่านคำสั่งคดีฟ้อง"นายกฯ-ครม."อนุมัติ"ไฮสปีด" 3 สนามบิน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อังคารนี้ 6 ก.ค.ศาลปกครองสูงสุดนัดอ่านคำสั่งคดีอดีต รมว.คลัง ธีระชัย  ภูวนาถนรานุบาลกับพวกฟ้อง"นายกฯ-ครม."อนุมัติทำสัญญา"รถไฟความเร็วสูง"เชื่อม3 สนามบิน ขัดกฎหมาย-รัฐเสียเปรียบ

รายงานข่าวว่าในวันที่ 6 ก.ค.นี้ เวลา 10.30 น.ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุดในคดีระหว่างนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ที่ 1กับพวกรวม 2 คน(ผู้ฟ้องคดี)กับนายกรัฐมนตรี ที่ 1กับพวกรวม 2 คน(ผู้ถูกฟ้องคดี)

 

คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย(อุทธรณ์คำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา)

 

คดีนี้ผู้ฟ้องคดียื่นฟ้องศาลปกครองชั้นต้นว่าได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการที่ผู้ถูกฟ้องคดีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)ดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินและผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2(คณะรัฐมนตรี)อนุมัติโครงการดังกล่าวซึ่งต่อมา รฟท.ได้ทำสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินดังกล่าว

โดยผู้ฟ้องคดีเห็นว่าเงื่อนไขในสัญญายังขัดต่อกฎหมายและทำให้รัฐเสียเปรียบเนื่องจากไม่มีการกำหนดค่าปรับกรณีเอกชนไม่สามารถดำเนินการเลื่อนย้ายพวงรางให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 5 ปี

 

ผู้ฟ้องคดีในฐานะผู้เสียภาษีและผู้ใช้บริการของ รฟท. จึงเป็นผู้ถูกละเมิดสิทธิเสรีภาพโดยตรงและผู้ฟ้องคดีที่ 2 ในฐานะพนักงานบำนาญของ รฟท.มีความเสี่ยงต่อความสามารถของรฟท.ในการจ่ายเงินบำนาญให้แก่ผู้ฟ้องคดีที่ 2 และพนักงานของ รฟท. ในอนาคตอย่างไรก็ตามศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

 

เนื่องจากศาลฯพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจากข้อเท็จจริงตามคำฟ้องไม่ปรากฏว่าผู้ฟ้องคดีทั้งสองอยู่ในบังคับหรือจะอยู่ในบังคับหรือได้รับผลกระทบต่อสิทธิและหน้าที่โดยตรงจากการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่1 เห็นชอบและผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน(ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา)รวมทั้งการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนผู้ร่วมลงทุนและร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการดังกล่าว

 

ส่วนที่ผู้ฟ้องคดีทั้งสองอ้างว่าเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองในฐานะประชาชนผู้เสียภาษีและเป็นผู้ใช้บริการของการรถไฟแห่งประเทศไทย

 

และผู้ฟ้องคดีที่ 2 ในฐานะพนักงานบำนาญของการรถไฟแห่งประเทศไทยมีความเสี่ยงต่อความสามารถของการรถไฟแห่งประเทศไทยในการจ่ายเงินบำนาญให้แก่ผู้ฟ้องคดีที่2 และพนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยในอนาคตนั้น

 

เห็นว่าภาระในการเสียภาษีเงินได้ของผู้ฟ้องคดีทั้งสองขึ้นอยู่กับรายได้ของผู้ฟ้องคดีและการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองตามคำฟ้องไม่ได้มีผลกระทบใดๆต่อภาระเกี่ยวกับภาษีของผู้ฟ้องคดีทั้งสอง

 

และผู้ฟ้องคดีที่ 2 จะได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายในการรับเงินบำนาญจากการรถไฟแห่งประเทศไทยหรือไม่ เป็นเรื่องในอนาคตที่ยังไม่มีความชัดเจน

 

จึงเห็นว่าผู้ฟ้องคดีทั้งสองมิใช่ผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้อันเนื่องจากการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองที่จะมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองมาตรา 42 วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542

 

ผู้ฟ้องคดีทั้งสองจึงยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นต่อศาลปกครองสูงสุดและศาลปกครองสูงสุดนัดฟังคำสั่งในวันอังคารที่ 6 ก.ค.นี้ 

 

ที่มา:สำนักข่าวอิศรา

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ