'หมอธีระ' หวั่น "โควิด-19" ระลอกนี้ "ล็อกดาวน์" ระยะสั้นอาจไม่ได้ผล อนาคตอาจปิด รพ.
'หมอธีระ' หวั่น "โควิด-19" ระลอกนี้ "ล็อกดาวน์" ระยะสั้นอาจไม่ได้ผล อนาคตอาจปิด รพ. หากมีการระบาดในสถานพยาบาล
'หมอธีระ' รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิเคราะห์สถานการณ์ "โควิด-19" ในบ้านเราที่ยังไม่มีแนวโน้มจะควบคุมสถานการณ์ได้ หวั่นการ "ล็อกดาวน์" ระยะสั้นอาจไม่ได้ผลและสิ่งที่ต้องระวังต่อจากนี้คือการระบาดในสถานพยาบาล
โดย 'หมอธีระ' ระบุว่า การระบาดยังเป็นระลอก 3 อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เมษายนเป็นต้นมา ลักษณะการแพร่เชื้อนั้นมีจำนวนมากที่หาต้นตอที่มาได้ยาก เพราะมีการระบาดกระจายไปทั่วในชุมชน และเรื้อรังมานาน อันเป็นผลสืบเนื่องจากการไม่สามารถตัดวงจรการระบาดได้ตั้งแต่ระลอก 2 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา
ดังที่เคยเล่าให้ฟังไปหลายครั้งว่า ธรรมชาติของโรคระบาดนั้นจะมีระยะหลักๆ ดังนี้
- ระยะที่ 1 : พื้นที่หรือประเทศไม่มีคนติดเชื้อ แต่มีการนำพาเชื้อจากนอกพื้นที่ หรือ นอกประเทศเข้ามา
- ระยะที่ 2 : เริ่มมีการติดเชื้อภายในพื้นที่ เพราะคนติดเชื้อจากนอกพื้นที่ได้แพร่ให้แก่คนในพื้นที่
- ระยะที่ 3 : คนในพื้นที่/ประเทศมีการติดเชื้อและแพร่ให้แก่กัน
ถ้าเข้าใจหลักการข้างต้น เราจึงสามารถนำมาวิเคราะห์นโยบายและมาตรการต่างๆ ได้ว่าถูกต้องหรือเหมาะสมกับสถานการณ์หรือไม่ หากเป็นระยะที่ 1 มาตรการที่เหมาะสมย่อมเป็นการที่ต้องรีบปิดกั้นไม่ให้เกิดการนำพาเข้ามา
ระยะที่ 2 ต้องรีบทำการป้องกันไม่ให้เกิดการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ ทั้งด้วยพฤติกรรมป้องกันตัวของกลุ่มที่เสี่ยงต่อการสัมผัส (personal protection) การมีระบบตรวจคัดกรองที่ดีและมีศักยภาพเพียงพอเพื่อทำการตรวจและติดตามผู้ติดเชื้อเพื่อนำไปกักตัวและดูแลรักษา (early diagnosis, isolation, and early treatment) ในขณะที่ต้องเร่งหาผู้สัมผัสความเสี่ยงไปแยกสังเกตอาการ (quarantine)
ส่วนระยะที่ 3 พอมาถึงจุดที่เกิดการแพร่เชื้อกันระหว่างคนในพื้นที่หรือคนในประเทศแล้ว มักจะเกิดการแพร่วงกว้าง ยากต่อการจัดการ เพราะทุกๆ คนในพื้นที่ย่อมมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อและแพร่เชื้อได้ มาตรการที่ต้องทำจึงประกอบด้วยหลายอย่างที่ต้องทำอย่างเข้มข้นและทันเวลา ได้แก่
- การทำให้ทุกคนอยู่กับที่เพื่อหยุดการพบปะติดต่อกัน (limit population mobility)
- การเร่งตรวจคัดกรองให้มากต่อเนื่องและครอบคลุม (mass screening)
- การแยกคนที่สงสัยหรือสัมผัสความเสี่ยงเพื่อสังเกตอาการและตรวจ (quarantine)
- การนำผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระบบการดูแลรักษา (isolation and treatment)
นอกจากนี้หากมีอาวุธป้องกันอย่างวัคซีน ก็ต้องจัดหาวัคซีนที่ดีจริง ประสิทธิภาพสูงและปลอดภัยเข้ามาให้แก่ประชาชน โดยทุกมาตรการข้างต้นยังต้องมีนโยบายและมาตรการที่ต้องปิดกั้นไม่รับหรือไม่นำความเสี่ยงเพิ่มเข้ามาในพื้นที่ด้วย
เมื่อเข้าใจเช่นนี้ คงพอวิเคราะห์กันต่อได้ว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่ปลายปี เราเจอการระบาดกระจายไปทั่ว หาต้นตอได้ยาก และมีการติดเชื้อจำนวนมากอย่างต่อเนื่องและทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะเราเจอการระบาดตามธรรมชาติของโรคในระยะที่ 3
แต่นโยบายและมาตรการที่มีมานั้น ไม่ได้ตัดสินใจทำอย่างเพียงพอ ทั้งเรื่องการหยุดการพบปะติดต่อกัน ระบบการตรวจคัดกรองก็มีจำกัดจำเขี่ย ระบบดูแลรักษาก็มีจำกัดไม่เพียงพอต่อความต้องการ รวมถึงเรื่องวัคซีนที่มีปัญหาทั้งเรื่องปริมาณและประสิทธิภาพที่จำกัด และยังมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวทั้งๆ ที่สถานการณ์ระบาดยังรุนแรง ถือเป็นการเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่เหมาะสม
ปัจจุบัน การระบาดของไทยเราจึงยังเป็นระลอกสามที่คุมไม่ได้ ดังที่เห็นจากกราฟการระบาดในแต่ละวัน จะเรียกระลอกสี่ได้นั้น ระลอกสามต้องกดลงมาให้ได้คงที่ระยะหนึ่งเสียก่อน แต่ที่เราเป็นมานั้นคือ สาหัสคงที่มาหลายเดือนและปะทุเป็นระยะ แบบ Table mountain with big volcanoes on top
สิ่งที่ต้องระวังต่อจากนี้ หากศึกษาบทเรียนจากต่างประเทศ
- การระบาดในสถานพยาบาลจะรุนแรงขึ้น จนอาจต้องมีการปิดวอร์ด ปิดโรงพยาบาล
- จำนวนการเสียชีวิตจะสูงขึ้นมาก จะแตะหลักร้อย หากระบบมีเคสสะสมหลักหมื่นปลายๆ ถึงหลักแสน
- การตัดสินใจล็อกดาวน์ในระยะระบาดรุนแรงมานานเช่นนี้ ให้เผื่อใจไว้ล่วงหน้าเลยว่า การล็อกดาวน์ระยะสั้นจะไม่ได้ผลอีกต่อไป แต่จะใช้เวลายาวนานขึ้นระดับหลักเดือนถึงหลายเดือน เพราะตัดสินใจช้าเกินไป เลยช่วงเวลาทองซึ่งมักต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลมภายใน 2-4 สัปดาห์แรกของการระบาด
- อาจเกิดผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน เศรษฐกิจสังคม จะมีมากมายกว่าที่เคยเป็นมา เพราะแรงกายแรงใจและทรัพยากรร่อยหรอมาก ดังนั้นระบบสวัสดิการสังคมต้องวางแผนรับมือให้ดี และอาจต้องมีการปรับนโยบายการใช้จ่ายของประเทศ เน้นเรื่องการรัดเข็มขัด
- สำเร็จหรือล้มเหลว ขึ้นกับศักยภาพของระบบการตรวจคัดกรองโรค ต้องทำได้มากกว่าที่เป็นอยู๋ในปัจจุบัน
ขอบคุณเฟซบุ๊ก หมอธีระ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
'หมอธีระ' ชี้ 6 ปัจจัยทำ "โควิด" ระบาดควบคุมไม่ได้ แนะ ศบค.มองภาพความจริง ปรับแผนด่วน
เปิดตัวเลข "โควิด" เดือน ก.ค. แค่ 7 วันผู้ป่วยพุ่งเกิน 4 หมื่นคร่าชีวิต ปชช.เฉียด 400
แพทย์นิติเวช เผย "โควิด" กทม.หนักหน่วง ตัวเลขจริงเยอะกว่านี้มาก ชันสูตรศพติดโควิดเพียบ
"โควิดวันนี้" ตัวเลขผู้ป่วยทุบสถิติใหม่ เศร้า เสียชีวิตรวมแล้ว 2,387 ราย
สาเหตุ ทำไมถึงหาที่ "ตรวจโควิด" ยากมาก อัปเดตจุดตรวจเชิงรุก กทม.ฟรี (6 ก.ค.2564)