ข่าว

"หลวงตาเศร้า" ศิษย์เฝ้ากุฏิ ขโมยเงินค่าผ่าตัดตา 3 แสนหมดเกลี้ยง

"หลวงตาเศร้า" ศิษย์เฝ้ากุฏิ ขโมยเงินค่าผ่าตัดตา 3 แสนหมดเกลี้ยง

07 ก.ค. 2564

หลวงตาเศร้า ศิษย์เฝ้ากุฏิลักเงินค่าผ่าตัดตา 3 แสนหมดเกลี้ยง สุดท้ายผู้ต้องหาติดโควิดยกครัว ตำรวจรอรักษาหายดำเนินคดีต่อ

(7ก.ค.64)  พระอนุชาติ ปานเถื่อน หรือ หลวงตานวย อายุ 58 ปี พระลูกวัดบางพูดนอก ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมด้วย พร้อมด้วยทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด  เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายสำเพา รอดโสดา  หรือ "เท้ง"  อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงตานวย ที่ได้ก่อเหตุลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวนเงิน 3 แสนกว่าบาท จากกุฏิหลวงตานวย ไปเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.64 ซึ่งได้มีการแจ้งความดำเนินคดีเอาไว้แล้ว

 

 

 

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถติดตามจับกุมตัว นายสำเพา ลูกศิษย์วัดที่ก่อเหตุเอาไว้ได้ จึงนำตัวมาสอบสวนขยายผล ก่อนจะทราบว่า นายสำเพา กลายเป็นผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด ทั้งครอบครัวและถูกนำตัวส่งไปรักษาในสถานพยาบาล และยังไม่สามารถให้การเพิ่มเติมใดๆ ได้ เพียงแต่ยอมรับในเบื้องต้นว่า เป็นคนลงมือก่อเหตุลักเงินสดจำนวน 2 หมื่นบาทของหลวงตานวยไปจริง และพร้อมจะชดใช้ให้หากรักษาอาการ "โควิด"หายออกมาจากโรงพยาบาล

 

ทั้งนี้ หลังให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมแล้ว หลวงตานวย กล่าวว่า ตนไว้ใจให้ นายสำเพา  ซึ่งเป็นลูกศิษย์คอยดูแลเฝ้ากุฎิในตอนที่ตนต้องเดินทางไปทำกิจนอกวัด ซึ่งตลอดเวลาก็ไว้ใจฝากกุฏิไว้กับลูกศิษย์รายนี้เป็นประจำ

 

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้ไปเปิดดูที่เก็บเงิน ซึ่งเป็นเงินที่สะสมเอาไว้ เพื่อเตรียมผ่าตัดดวงตาทั้งสองข้าง ที่เป็นโรคต้อกระจก จึงพบว่าเงินที่เก็บสะสมไว้ เป็นค่าผ่าตัดตาประมาณ 3 แสนบาท ถูกนายสำเพา หรือ "เท้ง" ลูกศิษย์วัดขโมยเงินไปเกือบหมด เหลือเงินทิ้งไว้เพียง 3 พันบาทเท่านั้น 

 

หลังเกิดเหตุ จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความเอาไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตั้งแต่วันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา จนกระทั่งในวันนี้ได้เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจว่า ตนมีเงินเก็บไว้เป็นค่าผ่าตัดรักษาดวงตา  ประมาณ 3 แสนบาท ไม่ใช่ 2 หมื่นบาท ตามที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพไว้ ทุกวันนี้มองอะไรก็เห็นไม่ชัด เป็นเงาดำๆ มัวๆ ไปหมดทั้งสองข้าง

 

 

 

 

โดยเงินที่เตรียมไว้ ได้เตรียมจะนำไปผ่าตัดรักษาดวงตา แต่กลับถูกขโมยไปทั้งหมด แล้วผู้ต้องหาจะมาขอชดใช้ให้เพียง 2 หมื่นบาทเท่านั้น ตนคงยอมรับไม่ได้ ถึงเป็นพระ ก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน จะมาขอชดใช้คืนแค่นี้ เพื่อให้เรื่องจบไป คงยอมให้ไม่ได้

 

ทางด้านทนายรณรงค์ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์วัดแห่งนี้มาก่อน และส่วนตัวรู้จักกับหลวงตานวย มาตั้งแต่เป็นเด็กวัด เมื่อทราบว่า หลวงตานวยถูกขโมยเงินค่าผ่าตัดรักษาดวงตาไปจนหมด ในวันนี้ทางพนักง่นสอบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้เชิญตัวหลวงตานวย มาเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมในเรื่องจำนวนเงินที่ถูกขโมยไป

 

เพราะนายสำเพา ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง แต่ได้นำเงินหลวงตานวย ไปเพียงแค่ 2 หมื่นบาทเท่านั้น ซึ่งทางหลวงตานวย ก็ยืนยันกับพนักงานสอบสวนว่า มีเงินเก็บรวมกันกว่า 3 แสนกว่าบาท เพื่อใช่ผ่าตัดตาทั้งสองข้าง ไม่ได้มีเงินแค่ 2 หมื่นยาท ตามที่ผู้ก่อเหตุให้การไว้

 

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่ตนได้รับมาจากคนในละแวกวัด ให้ข้อมูลว่า นายสำเพา ผู้ก่อเหตุรายนี้ นอกจากจะไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่งแล้ว ในระยะหลังกลับมีเงินไปซื้อสร้อยคอทองคำเส้นใหญ่มาใส่  และมีเงินสดไปซื้อรถ จยย. มีเงินไปซื้อล็อตเตอรี่ครั้งละเป็นร้อย ๆ ใบ

 

ดังนั้น เมื่อมองดูพฤติกรรมจากการใช้เงินของนายสำเพา ก็จะพบว่า ใช้เงินเกินตัว และใช้เกิน 2 หมื่นบาทอย่างแน่นอน เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะต้องไปตามสืบสวนที่มาที่ไปของทรัพย์สินเหล่านี้จากนายสำเพา เพราะเมื่อไม่มีอาชีพ แต่ไปเอาเงินจากไหนเป็นจำนวนมากมาใช้จ่าย 

 

ทั้งนี้ ทราบจากพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีว่า ได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์ในเคหะสถานกับผู้ต้องหารายนี้แล้ว แต่เนื่องจากผู้ต้องหาติดเขื้อไวรัสโควิด และถูกนำตัวส่งไปรักษาอาการทั้งครอบครัว จึงต้องรอให้ผู้ต้องหารักษาตัวให้หายเสียก่อน จึงจะสามารถดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไปได้