ข่าว

"ลูกคลั่งยา" ยั้วพ่อไม่ให้เงิน ไปซื้อยาบ้า คว้าขวานจามหัวดับ

"ลูกคลั่งยา" ยั้วพ่อไม่ให้เงิน ไปซื้อยาบ้า คว้าขวานจามหัวดับ

15 ก.ค. 2564

"ลูกคลั่งยา" ยั้วพ่อไม่ให้เงินไปซื้อยาบ้า ใช้ขวานจามหัว ขณะนอนหลับคาห้อง ก่อนจะลากศพไปทิ้งอำพรางที่บ่อน้ำ

กลางดึกที่ผ่านมา พ.ต.ท.สาโรจน์ ช่องรักษ์ สว. (สอบสวน) สภ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ได้รับแจ้งเหตุจาก นายสมพงศ์ ไพบูลย์ กำนัน ต.ทุ่งกระบือ ว่าพบศพชายถูกทำร้ายร่างกายเสียชีวิต ภายในบ้านหลังหนึ่ง อยู่ที่บ้านท่าบันได ต.ทุ่งกระบือ อ.ย่านตาขาว หลังรับแจ้ง จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.เชื้อชาติ เยาดำ ผกก. พ.ต.ท.สมพงษ์ ปานเหลือง รอง ผกก. (สอบสวน) กำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง

 

\"ลูกคลั่งยา\" ยั้วพ่อไม่ให้เงิน ไปซื้อยาบ้า คว้าขวานจามหัวดับ

 

 

ที่เกิดเหตุ เป็นซอยถนนดินแดง สุดซอยเป็นบ้านปูนชั้นเดียว บริเวณพื้นดินขอบบ่อน้ำทิ้งด้านหลังบ้าน ห่างจากตัวบ้านประมาณ 10 เมตร มีหญ้าสูงประมาณ 60 ชม. ปกคลุมรก ขอบบ่อพบร่างของนายชาติ สองเมือง หรือหมิน อายุ 58 ปี เจ้าของบ้าน อาชีพกรีดยางพารา มีเสื้อยืดสีครีมคลุมปิดทับศีรษะ สวมกางเกงยีนส์ขาสั้น นอนคว่ำหน้าเสียชีวิต มือซ้ายห้อยลงไปในบ่อ

 

\"ลูกคลั่งยา\" ยั้วพ่อไม่ให้เงิน ไปซื้อยาบ้า คว้าขวานจามหัวดับ

 

จาการชันสูตรพลิกศพเบื้องต้น คาดว่าผู้ตายเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 18 ชม. โดยเจ้าหน้าที่ฯ พบบาดแผลถูกขวานฟันเข้าที่กลางกระหม่อม จำนวน 1 แผล และที่หูขวา 1 แผล หัวไหล่ด้านซ้ายและแขนซ้ายเป็นแผลถลอก ก่อนเจ้าหน้าที่จะนำร่างไปชันสูตรอย่างละเอียดต่อ ที่ รพ.ย่านตาขาว

 

ทั้งนี้ ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเดินทางไปถึง นายสมพงศ์ ไพบูลย์ กำนัน ต.ทุ่งกระบือ พร้อมด้วยบรรดาญาติผู้เสียชีวิต ได้ทำการเกลี่ยกล่อม นายกิตติศักดิ์ สองเมือง หรือหลิม อายุ 31 ปี อาชีพกรีดยางพารา ซึ่งเป็นลูกชายของผู้ตาย และเป็นผู้ก่อเหตุ โดยหลบซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าวเพียงคนเดียว เจ้าหน้าที่ได้เกลี่ยกล่อมเพื่อให้ออกมามอบตัว นานกว่า 1 ชม. จึงสำเร็จ พร้อมกันนั้นได้เข้าไปตรวจสอบภายในบ้าน ไม่พบร่องรอยคราบเลือดแต่อย่างได ทั้งนี้ พบของกลาง เป็นขวาน หน้ากว้าง 3.5 นิ้ว มีด้ามจับเป็นไม้ยาว ประมาณ 40 ชม. ก่อนเจ้าหน้าที่จะควบคุมตัวไปสอบสวน

 

จากการสอบสวน นายกิติศักดิ์ ผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นยังคงให้การวกวน แต่ให้การรับสารภาพว่า เป็นคนลงมือฆ่าพ่อตัวเองจริง โดยลงมือก่อเหตุช่วงเวลาประมาณระหว่าง 01.00-03.00 ของคืนวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยก่อนเกิดเหตุได้ทะเลาะและมีปากเสียงกับพ่ออย่างรุนแรง เนื่องจากตนเองขอเงินไปซื้อยาบ้า แต่ผู้เป็นพ่อไม่ให้ และในระหว่างที่พ่อเข้าห้องนอนหลับ จึงถือขวานเข้าไปจามเข้าศีรษะจนเสียชีวิต ก่อนจะลากศพออกไปจากบ้าน และนำไปทิ้งที่ขอบบ่อหลังบ้าน และได้กลับมาทำความสะอาดบ้าน เพื่อไม่ให้มีร่องรอยของคราบเลือด กระทั่งได้โทรไปหาพี่ชายที่อยู่ต่างจังหวัดว่า โดยบอกว่าตนได้ลงมือฆ่าพ่อ และนำศพไปทิ้งไว้หลังบ้าน จึงทำให้พี่ชายติดต่อมาที่ญาติพี่น้องที่อยู่ใกล้กันให้ทราบเรื่อง

 

 

 

 

ทางด้านนายศรชัย สองเมือง อายุ 37 ปี หลานผู้ตาย เล่าว่า บ้านตนเองกับบ้านผู้ตาย อยู่ห่างกันเพียง 100 เมตร คืนที่เกิดเหตุ ได้ยินเสียงพ่อกับลูกทะเลาะกัน เสียงดังออกมาจากบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในทุกวัน โดยทั้งสองทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งเงียบไป ก็เลยสงสัย จึงได้เดินไปที่บ้าน พบเพียงลูกชายนั่งอยู่หน้าบ้าน จึงได้สอบถามว่า ผู้ตายไปไหน

 

\"ลูกคลั่งยา\" ยั้วพ่อไม่ให้เงิน ไปซื้อยาบ้า คว้าขวานจามหัวดับ

 

แต่ลูกชายผู้ตาย ตอบว่า ไม่รู้ พร้อมกับแสดงท่าทางมีพิรุธ ตนจึงได้ออกกลับมา พร้อมกับเข้าไปพูดคุยกับญาติ ก่อนจะช่วยกันตามหา แต่ก็ไม่พบ กระทั่งต่อมาบรรดาญาติได้เข้าไปดูภายในบ้าน แต่ผู้ก่อเหตุ ได้สั่งห้ามและกีดกันไม่ให้เข้าไปภายในบ้าน ดังนั้น จึงได้ออกกันตามหาอีกครั้ง จนกระทั่งพี่ชายของผู้ก่อเหตุโทรศัพท์มาแจ้งว่า ผู้ก่อเหตุได้โทรศัพท์ไปหา และบอกว่า ได้ลงมือฆ่าพ่อและนำศพไปทิ้ง กระทั่งไปพบเป็นศพอยู่ในบริเวณบ่อน้ำดังกล่าว

 

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัติ พบว่า ผู้ก่อเหตุเคยต้องคดีลักทรัพย์ (ปาล์มน้ำมัน) เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และถูกจับกุมและถูกคุมขัง โดยได้รับการปล่อยตัวออกมาในช่วงที่ผ่านมา และผู้ก่อเหตุยังมีประวัติเสพยาเสพติด ทั้งยาบ้า น้ำต้มพืชกระท่อม และสารเสพติดชนิดอื่นๆ มาเป็นระยะเวลานาน รวมทั้งผู้ก่อเหตุมีอาการทางประสาทร่วมด้วย ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการใช้สารเสพติด และทำการรักษาโดยการรับประทานยาจาก รพ.ย่านตาขาว อยู่เป็นระยะเวลากว่า 5 ปีแล้ว จนกระทั่งมาก่อเหตุดังกล่าว

 

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างการตรวจปัสสาวะ เพื่อยืนยันผลการใช้สารเสพติด ก่อนจะแจ้งข้อกล่าวหาเบื้องต้น จำนวน 2 ข้อหา คือ ฆ่าบุพการีโดยเจตนา และซ่อนเร้นอำพรางศพ ก่อนนำตัวไปคุมขังและเตรียมนำส่งฟ้องศาลต่อไป