รับมือผู้ชาย"วัยทอง"
ใครว่า"วัยทอง" มีแค่ผู้หญิง แต่ผู้ชายก็สามารถเป็น"วัยทอง" ได้ เมื่อเป็นแล้ว จะรับมืออย่างไร
หากพูดถึงอาการ"วัยทอง" หลายคนคงคิดว่าคงมีเฉพาะแต่กับผู้หญิง แต่จงเปลี่ยนความคิดใหม่ได้เลย เพราะ"ผู้ชาย" ก็เป็นวัยทองได้เช่นเดียวกัน ซึ่งความจริงนี้ผู้ชายต้องยอมรับ และรู้เท่าทัน เพราะแต่ละคนจะแสดงอาการมากน้อยแตกต่างกัน อาจส่งผลกระทบต่อร่างกาย จิตใจ และการดำเนินชีวิต แต่หากเข้าใจและพร้อมปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลง ย่อมช่วยให้รับมือได้อย่างถูกต้อง
โดยธรรมชาติ ฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรนมีผลต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นระบบเผาผลาญไขมัน (Metabolism) การสร้างกล้ามเนื้อเพศชาย ความแข็งแรงของโครงสร้างกระดูก เป็นต้น ดังนั้น เมื่อฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนเริ่มลดลงในช่วงอายุ 42 – 45 ปี จึงส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านร่างกาย อาทิ ลงพุง อ้วนง่าย ผมร่วง ความต้องการทางเพศลดลง รวมถึงมีความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นต้น ซึ่งลักษณะอาการเหล่านี้ อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจ และการดำเนินชีวิตหากไม่สามารถปรับตัวได้
เช็กอาการเข้าข่ายผู้ชายวัยทอง
ผู้ชายแต่ละคนมีอาการวัยทองเกิดขึ้นแตกต่างกัน ซึ่งสามารถสังเกตอาการได้ดังนี้
- อารมณ์แปรปรวน
- เบื่อง่าย หงุดหงิดง่าย
- ลงพุง
- นอนไม่หลับ
- อ่อนเพลีย
- สมาธิลดลง
- ซึมเศร้า
- หย่อนสมรรถภาพทางเพศ เป็นต้น
ปฏิบัติตัวดียืดความเป็นหนุ่มได้นาน
แนวทางการดูแลตัวเองของคุณผู้ชาย เพื่อรับมือวัยทองนั้นทำได้ไม่ยาก ขอเพียงเปิดใจ และพร้อมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตในด้านต่าง ๆ ได้แก่
- อาหาร เลี่ยงอาหารรสหวาน เน้นทานอาหารที่ช่วยเสริมสร้างฮอร์โมนเพศชาย อาทิ ผักใบเขียว ถั่ว ไข่แดง แตงโม หรือหอยนางรม (ผู้ที่มีภาวะคอเลสเตอรอลสูงต้องระวัง ควรปรึกษาแพทย์ และเลือกรับประทานให้เหมาะกับร่างกาย)
- ออกกำลังกาย เน้นชนิดกีฬาที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น ปั่นจักรยาน ตีสควอช เป็นต้น
- จิตใจ คิดบวกและรู้วิธีจัดการกับความเครียด ซึ่งสิ่งสำคัญที่ช่วยเยียวยาจิตใจได้เป็นอย่างดีคือ กำลังใจและความเข้าใจจากคนในครอบครัว
สำหรับคุณผู้ชายท่านใดที่อาการวัยทองรบกวน และส่งผลกระทบกับการใช้ชีวิต ควรพบแพทย์ เพื่อปรึกษาและทำตามคำแนะนำอย่างใกล้ชิด โดยแพทย์อาจทำการเจาะเลือด เพื่อตรวจวัดระดับฮอร์โมนเพศว่าลดลงมากน้อยเพียงใด มีความรุนแรงในระดับใด รวมถึงเกี่ยวเนื่องกับสาเหตุอื่นหรือไม่ ซึ่งวิธีรักษาอาการวัยทองนั้นมีหลายรูปแบบ ตั้งแต่การฟื้นฟูจิตใจไปจนถึงการใช้ยา มีทั้งยาทาน ยาทา และยาฉีด แต่ไม่ต้องกังวลใจไป เพราะรู้ก่อน ก็ยังมีทางรักษาให้ดีขึ้นได้ ด้วยแพทย์ผู้ชำนาญการ
ขอบคุณข้อมูล : โรงพยาบาลกรุงเทพ