ข่าว

"นายกฯ" โพสต์ล่าสุดจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการ เตรียมยกระดับ "ล็อกดาวน์"เพิ่มคุม "โควิด" หลังเอาไม่อยู่

"นายกฯ" โพสต์ล่าสุดจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการ เตรียมยกระดับ "ล็อกดาวน์"เพิ่มคุม "โควิด" หลังเอาไม่อยู่

16 ก.ค. 2564

"นายกฯ" โพสต์ล่าสุด จำเป็นต้องยกระดับเพิ่มคุม "โควิด" หลังเอาไม่อยู่ สั่งผู้ว่าฯทุกจังหวัดเข้มงวดการเดินทาง - ให้ WFH อย่างสูงสุด

วันที่ 16 ก.ค. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha" ระบุว่า เรียนพี่น้องประชาชนทุกท่าน 

 

 

หลังจากที่ผมได้ประกาศยกระดับการควบคุมสถานการณ์ใน 10 จังหวัดสีแดงเข้ม พร้อมทั้งประกาศเคอร์ฟิวและจำกัดการเดินทาง ที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา ในวันนี้ ผมได้เรียกประชุม ศบค.เป็นวาระพิเศษ โดยได้เชิญคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ เพื่อทำการประเมินสถานการณ์และความจำเป็นในการปรับแผนการ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดยังคงไม่ลดลง โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพและปริมณฑล และจังหวัดอื่น ๆ ในประเทศมีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลส่วนหนึ่งมาจากเชื้อโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่แพร่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น และการหยุดการเคลื่อนตัวของประชาชนยังคงทำได้ไม่มากพอ ทำให้มีการประเมินว่าในระยะต่อไป หากยังไม่มีมาตรการที่เข้มงวดขึ้น สถานการณ์อาจจะทวีความรุนแรงขึ้นอีก จนมีผลร้ายแรงต่อระบบสาธารณสุข 

 

ในวันนี้ ที่ประชุมจึงมีมติว่า มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มมาตรการจำกัดการเดินทางของประชาชนให้มากที่สุด และเพิ่มการปิดสถานที่ต่าง ๆ ให้เหลือเท่าที่จำเป็น รวมทั้งการออกกฎการทำงานที่บ้านอย่างสูงสุด ซึ่งคณะแพทย์ที่ปรึกษาจะทำการปรึกษาหารืออย่างละเอียดรอบคอบ โดยศึกษาจากรูปแบบการล็อกดาวน์ในประเทศต่าง ๆ เพื่อทำเป็นมาตรการเสนอต่อ ศบค. อย่างเร่งด่วนเพื่อดำเนินการโดยเร็วที่สุด  

 

นายกฯ ระบุต่อว่า ผมขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด โดยเฉพาะใน 10 จังหวัดสีแดงเข้ม และจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ได้เตรียมความพร้อมในการยกระดับการควบคุมการเดินทางที่เข้มงวดยิ่งขึ้น และมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดในแต่ละจังหวัด โดยให้คงความเข้มงวดแต่ให้เกิดความเดือดร้อนต่อประชาชนน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 

 

ในการประกาศมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดขึ้นนี้ ย่อมมีผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งเตรียมแผนการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนไว้อย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อภาคการคลังของประเทศ โดยจากการปิดสถานที่ล่าสุดนี้ รัฐบาลได้มีการออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถจ่ายเงินชดเชยพี่น้องประชาชนได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น 

 

ทั้งการชดเชยผู้ประกอบการและลูกจ้างใน 9 กลุ่มกิจการ ใน 10 จังหวัดสีแดงเข้ม รวมถึงผู้มีอาชีพอิสระด้วย นอกจากนั้นยังได้มีมาตรการลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทั้งลดค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นเวลาสองเดือน และล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย รวมกับสมาคมธนาคารไทย และสมาคมธนาคารนานาชาติ ออกมาตรการเร่งด่วน พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 2 เดือนให้กับทั้งผู้ประกอบการและลูกจ้าง ที่ต้องปิดกิจการ และพิจารณาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบที่ยังไม่ปิดกิจการแต่มีรายได้ลดลง และยังจะมีมาตรการอื่น ๆ ที่พิจารณาโดยเร่งด่วน เช่น การลดค่าใช้จ่ายทางการศึกษา 

 

 

ด้านสาธารณสุข ในที่ประชุมวันนี้ ได้รับทราบมาตรการการตรวจหาเชื้อโควิดแบบ Antigen Test Kit ควบคู่ไปกับการตรวจคัดกรองเชิงรุกแบบเดิมที่เร่งดำเนินการอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ซึ่งการตรวจ Antigen Test Kit นี้ ประชาชนสามารถดำเนินการด้วยตนเองในการตรวจได้เอง ซึ่งจะลดการแออัดในการขอตรวจกับจุดตรวจต่าง ๆ ซึ่งจะมีกระบวนการในการดำเนินการอย่างชัดเจน หากได้ผลบวก ก็จะมีการตรวจซ้ำกับโรงพยาบาลและจุดตรวจอีกครั้งเพื่อยืนยันผล และแยกรักษาตามอาการ ทั้งการกักตัวที่บ้านหรือศูนย์โควิดชุมชนสำหรับผู้ป่วยสีเขียว และการรักษาที่โรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยสีเหลือง และสีแดง ซึ่งหน่วยงานสาธารณสุขเชื่อว่าวิธีการนี้จะช่วยลดความแออัดของเตียงผู้ป่วยในกรุงเทพฯลงได้ และรัฐบาลกำลังดำเนินการทุกทางที่จะเพิ่มการรองรับผู้ป่วยในทุกระดับ ทุกพื้นที่ 

 

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังรับทราบข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข ที่จะให้มีการจัดฉีดวัคซีนแบบผสมสูตร คือ Sinovac และ AstraZeneca เป็นแนวทางควบคู่ไปกับการฉีดวัคซีน AstraZeneca 2 เข็ม และการฉีดวัคซีนกระตุ้น (Booster Dose) สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับวัคซีน Sinovac 2 เข็ม โดยเข็มที่สามให้เป็น AstraZeneca หรือ Pfizer ที่จะได้รับมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาในเดือน ก.ค.นี้ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการในทรัพยากรวัคซีนที่เรามีอยู่ โดยอยู่บนพื้นฐานความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งได้รับการรับรองจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของประเทศ และผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย และรัฐบาลจะเร่งดำเนินการจัดหาวัคซีนจากทุก ๆ แหล่งที่สามารถทำได้ให้ได้มากที่สุด เร็วที่สุด โดยไม่เคยปิดกั้นการจัดหาวัคซีนทางเลือกจากภาคเอกชน 

 

สุดท้ายนี้ ผมขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนร่วมกันตระหนักถึงความจำเป็นที่เราอาจจะต้องใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดมากขึ้นในเร็ว ๆ นี้ และอาจจะทำให้เราได้รับผลกระทบ ได้รับความไม่สะดวกในหลาย ๆ อย่าง แต่ขอให้พี่น้องประชาชนทุกท่านได้เข้าใจว่า ทุกมาตรการที่ออกมา มาจากการพิจารณาอย่างรอบคอบ ทั้งทางด้านสาธารณสุขและด้านเศรษฐกิจ และผมเชื่อว่า หากทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันได้อย่างเต็มที่ ประเทศไทยจะต้องฝ่าวิกฤตินี้ไปได้โดยเร็วที่สุดครับ 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

ด่วน ราชกิจจาฯฉบับที่ 6 ประกาศห้าม "ชุมนุมมั่วสุม" สกัด "โควิด-19"

ปิดอีกหนึ่ง "โรงแรมดังย่านเอกมัย" เจอ "โควิด" เล่นงานแบกไม่ไหว