ข่าว

"พักหนี้" ช่วงโควิด "ธ.ก.ส." งัดมาตรการเด็ด ช่วยผู้ประกอบการ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์  งัดมาตรการ "พักทรัพย์ พักหนี้" ช่วยเกษตรกร ผู้ประกอบการ ที่มีหนี้เงินกู้ หรือมีทรัพย์สินเป็นหลักประกัน ก่อน 1 มี.ค.2564 สนใจติดต่อ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าโครงการ  “มาตรการพักทรัพย์ พักหนี้”  ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2564 ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยผู้ประกอบธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบหนักจากการระบาดของ COVID-19 ให้มีภาระหนี้ลดลง และสามารถกลับมาดำเนินกิจการได้อีกครั้ง เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ผ่านกลไกการรับโอนสินทรัพย์หลักประกันเพื่อชำระหนี้ของสถาบันการเงิน พร้อมให้สิทธิซื้อทรัพย์คืน และต่อมา ครม. ยังได้เห็นชอบมาตรการภาษีอากร เพื่อสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกัน เพื่อชำระหนี้อีกด้วย

 

\"พักหนี้\" ช่วงโควิด \"ธ.ก.ส.\" งัดมาตรการเด็ด  ช่วยผู้ประกอบการ

 

  

สอดรับมติครม.ดังกล่าว กรมสรรพากรได้ออกประกาศ อธิบดีกรมสรรพากร เรื่อง ‘กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข กรณีหนี้ที่ต้องดำเนินการตามมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้’ และได้มีผลบังคับใช้เมื่อ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการยกเว้นภาษีแก่สถาบันการเงินและลูกหนี้ธุรกิจที่ร่วมโครงการ “พักทรัพย์ พักหนี้” คาดว่าจะมีผลให้ผู้ประกอบการ สนใจเข้าร่วมโครงการมากขึ้นอย่างแน่นอน

 

\"พักหนี้\" ช่วงโควิด \"ธ.ก.ส.\" งัดมาตรการเด็ด  ช่วยผู้ประกอบการ

  

เพราะไม่ต้องกังวลกับภาระภาษี เป็นการลดต้นทุนให้กับลูกหนี้ และสถาบันการเงิน อีกทั้งสถาบันการเงินสามารถให้สินเชื่อแก่ประชาชนและธุรกิจต่างๆได้เพิ่มขึ้น และสำหรับภาคการเกษตร ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์  (ธ.ก.ส.) ได้มีมาตรการ “พักทรัพย์ พักหนี้” เช่นกัน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ประกอบการ(บุคคล/นิติบุคคล) สหกรณ์ภาคการเกษตรที่ประกอบธุรกิจพาณิชยกรรม อุตสาหกรรม บริการ และธุรกิจเกษตร ที่มีหนี้เงินกู้หรือมีทรัพย์สินเป็นหลักประกันเงิน ก่อน 1 มี.ค. 2564 ผู้สนใจสามารถติดต่อ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ

 

ในส่วนของมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู นางสาวรัชดา กล่าวว่า จากข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยอดการปล่อยสินเชื่อทยอยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ณ วันที่ 19 ก.ค. มียอดรวมทั้งสิ้น 7.8 หมื่นล้านบาท  ครอบคลุมลูกหนี้  2.5 หมื่นราย คิดเป็นวงเงินเฉลี่ย 3 ล้านบาทต่อราย ซึ่งทาง ธปท.วิเคราะห์ว่า การปล่อยสินเชื่อมีแนวโน้มเป็นตามเป้าหมายร่วมของ ธปท.และสมาคมธนาคารไทยที่ 1 แสนล้านบาท ภายในเดือนต.ค.นี้  อีกทั้งสินเชื่อมีการกระจายตัวได้ดีทั้งในแง่ของขนาด ประเภทธุรกิจและภูมิภาค จำนวน 46% กระจายไปยัง SMEs ขนาดเล็ก ขณะที่ 68% อยู่ในภาคพาณิชย์และบริการ และ 68% เป็นธุรกิจในต่างจังหวัด

 

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยด้วยว่า นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามความคืบหน้ามาตรการช่วยเหลือต่างๆ ที่ได้ออกมาโดยตลอด และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คอยประเมินผลการดำเนินงาน และรับฟังเสียงสะท้อนจากภาคเอกชนผ่านการหารือในหลายวาระด้วยกัน เพื่อเป็นแนวทางในการพิจารณามาตรการให้ความช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด19 ต่อไป 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ