"กรดไหลย้อน"ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
"กรดไหลย้อน"ภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
"กรดไหลย้อน" เป็นภาะที่กรด หรือน้ำย่อยในกระเพาะไหลย้อนกลับมาหลอดอาหาร จนทำให้เกิดการอักเสบของหลอดอาหาร ใครที่มีภาวะกรดไหลย้อนจะรู้สึกแสบร้อน กลางอก เรอเปรี้ยว หลายคนอาจรู้จัก หรือผู้ที่ใกล้ชิดเคยเป็นโรคนี้มาก่อน ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิด "กรดไหลย้อน" นั่นก็คือพฤติกรรมการกินของเรานั่นเอง วันนี้เรามารู้จักกับโรค"กรดไหลย้อน" กันดีกว่า ว่าจริงๆแล้วอาการของโรค หรือสาเหตุของการเกิดโรคเป็นอย่างไร และมีวิธีการป้องกันและรักษาอย่างไรบ้าง
สาเหตุของการเกิด กรดไหลย้อน
เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อหูรูด บริเวณส่วนปลายของหลอดอาหาร ทำให้กรด หรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมาที่บริเวณหลอดอาหาร พฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวันของเรา เช่น หลังจากทานอาหารเข้านอนทันที , โรคอ้วน , สูบบุหรี่ ,ดื่มแอลกอฮอล์ หรือน้ำอัดลม , หรือทานอาหารในปริมาณมากในมื้อเดียว รวมทั้งวัยรุ่น หรือวัยทำงาน โดยเฉพาะสาว ๆ ที่ชอบทานอาหารไม่เป็นเวลา รีบเร่ง ชอบของกินรสจัด พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้ ซึ่ง อันตรายของกรดไหลย้อนนั้น อาจมีผลต่อกล่องเสียง คอ หรือปอด ถ้าปล่อยทิ้งไม่รักษาอาจจะกลายเป็นเรื้อรังจนเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งได้
ทีนี้เราลองมาเช็คดูว่า 7 สัญญาณเตือนของ โรคกรดไหลย้อน ตัวคุณมีอาการที่เข้าข่ายหรือไม่
1. แสบร้อนบริเวณหน้าอก ซึ่งจะเป็นมากหลังรับประทานอาหารมื้อหนัก
2. มีอาการเรอเปรี้ยว มีน้ำรสเปรี้ยวหรือรสขมไหลย้อนขึ้นมาในปาก
3. ท้องอืด แน่นท้อง คล้ายอาหารไม่ย่อย
4. คลื่นไส้ อาเจียน หลังรับประทานอาหาร
5. หน้าอก จุก คล้ายเหมือนมีก้อนติดอยู่ในลำคอ
6. หืดหอบ ไอแห้งๆ เสียงแหบ
7. เจ็บคอเรื้อรัง
สำหรับการรักษาอาการ"กรดไหลย้อน"
สิ่งแรกที่ควรทำ คือปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของเราก่อน เช่น รับประทานอาหารในปริมาณที่พอดี ควบคุมน้ำหนัก ไม่เข้านอนทันทีหลังรับประทานอาหาร ฯลฯ แต่สำหรับผู้ป่วยบางราย อาจต้องใช้ยาในการยับยั้งการหลั่งกรด ช่วยลดภาวะกรดเกินในกระเพาะอาหาร หรือยาเพิ่มการเคลื่อนตัวของระบบทางเดินอาหาร เพิ่มการบีบตัวของลำไส้มากขึ้น แต่ ถ้าอาการไม่ดีขึ้น อาจต้องใช้การรักษาด้วยการผ่าตัดซ่อมแซมกล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหาร