สตม.รวบแก๊งเครือข่ายชาวจีน" Hybrid Scam "หลอกเงินคนร่วมชาติ ชักชวนลงทุนในเงินสกุลดิจิตอล เสียหายกว่า 5.1 ล้านบาท
สตม.รวบเครือข่ายชาวจีน" Hybrid Scam "หลอกเงินคนร่วมชาติชักชวนลงทุนในเงินสกุลดิจิตอล เสียหายกว่า 5.1 ล้านบาท
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาด
ซึ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.ระดมกวาดล้างคนต่างด้าว ที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ขบวนการขนคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตลอดจนการขนแรงงานต่างด้าวเข้า – ออกพื้นที่จังหวัดที่มีคำสั่งห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19
และรวมถึงการที่คนต่างชาติเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิดภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม.
ล่าสุดวันที่ 29 ก.ค.64 ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ศปชก.สตม. แถลงข่าวการจับกุม 1.นายเติ้ง อายุ 32 ปี สัญชาติจีน
ตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมาในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยผิดกฏหมายฯ”
2.นายต้ง อายุ 36 ปี สัญชาติจีนตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยผิดกฏหมายฯ”
สืบเนื่องจาก กองบังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายสัญชาติจีนว่าได้ถูกคนร้ายที่รู้จักกันผ่านแอพพลิเคชั่น FACEBOOK ใช้ชื่อว่า “ZHONG” (จง) ได้เข้ามาพูดคุยเพื่อตีสนิท
โดยอ้างว่าเป็นคนจีนที่เข้ามาทำธุรกิจที่ประเทศไทย ต่อมาได้อ้างว่าปัจจุบันได้ทำการลงทุนในตลาดสกุลเงิน
ดิจิตอลโดยได้ทำการส่งข้อมูลให้ผู้เสียหายดูว่าสามารถได้รับผลประโยชน์จริง
ต่อมาคนร้ายได้ทำการชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนซึ่งได้ส่ง URL ชื่อ https://www.cqnyys.com/app และให้ผู้เสียหายทำการสมัครและทำการโอนเงินเพื่อลงทุน โดยในช่วงแรกเมื่อผู้เสียหายลงทุนก็พบว่ามีเงินที่เพิ่มขึ้นในระบบจริง และเมื่อผู้เสียหายต้องการที่จะถอนเงินออกจากระบบ ก็ถูกคนร้ายอ้างว่าจะต้องมีการโอนเงินค่าประกัน
ในการรับประกัน user จากนั้นเมื่อผู้เสียหายโอนแล้วพบว่าสามารถถอนเงินออกมาได้จากพอร์ทจริง จึงลงทุนเพิ่มไปในพอร์ทตามคำชักชวนของคนร้าย รวมมูลค่ากว่า 5.1 ล้านบาท จากนั้นเมื่อผู้เสียหายได้โอนเงินแล้วปรากฏว่าเว็บไซต์ดังกล่าวได้ปิดไป จึงเชื่อว่าได้ถูกหลอกลวงและเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปชก.สตม. และ กก.ปอพ.บก.สส.สตม. ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายในคดีนี้เป็นผู้ใด จึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานและทำการออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน คือนายเติ้ง สัญชาติจีน และนายต๋ง สัญชาติจีน ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ”
ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่านายเติ้ง ได้พักอาศัยอยู่บริเวณเขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร จึงได้ทำการขอหมายค้นและเข้าทำการตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมาในวันที่ 15 กรกฏาคม 2564 และสืบทราบว่า นายต๋ง พักอาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี จึงได้ทำการเฝ้าติดตามและทำการจับกุมได้ในวันที่ 25 กรกฏาคม 2564
โดยจากการสืบสวนขยายผลผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การว่าได้รับการสั่งการมาจาก นายเจิ้ง ที่อยู่ที่ประเทศลาว ซึ่งทาง
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจะได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อทำการออกหมายจับและติดตามผู้ต้องหาต่อไปทั้งนี้จากการติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ ทำให้สามารถติดตามเงินมาคืนผู้เสียหายได้จ านวน 1.7 ล้านบาท
สตม. จึงขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดต่างๆ รวมทั้งการดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
หรือทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ หากประชาชนท่านใดพบเบาะแสในการกระทำความผิดกรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เลขที่ 507 ซ.สวนพลู แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร 10120 หรือที่หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th