"โอ๊ค เอม อิ๊ง" ชวนพบ #THAKSINOFFICIAL ช่องทางใหม่คุยกับ"ทักษิณ"
"โอ๊ค เอม อิ๊ง " ชวนพบ #THAKSINOFFICIAL ช่องทางใหม่คุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับ"ทักษิณ" ร่วมกันหาทางออกให้กับประเทศไทย
โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายคนโตของ "ทักษิณ ชินวัตร "ได้โพสต์เฟซบุ๊ก
ช่วงที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คุณพ่อผมให้ความสำคัญกับการชี้แจงข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ให้กับพี่น้องประชาชนเสมอครับ
จะเห็นได้จากรายการ "นายกทักษิณฯ คุยกับประชาชน" ซึ่ง ณ เวลานั้น ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่นายกรัฐมนตรีของไทยมาจัดรายการออกสื่อ เพื่อสื่อสารกับประชาชนโดยตรงเป็นประจำทุกสัปดาห์
นอกจากข้อมูลที่ชัดเจนจะถูกสื่อสารตรงไปถึงพี่น้องประชาชนโดยตรงแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่คุณพ่อให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือ “การรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น”
โดยคุณพ่อจะจริงจังในเรื่องการรับฟังเสมอ คุณพ่อเคยรับสายโทรศัพท์ที่โทรเข้ามาร้องทุกข์ด้วยตัวเอง เพราะเชื่อว่าการสื่อสารที่ดีที่สุดคือสื่อสารสองทาง ไม่ใช่พูดอย่างเดียวไม่รับฟังเสียงประชาชน
ภาพที่ผมได้นำมาลงนี้ เป็นภาพที่ตัวผมและน้อง ๆ ได้เห็นมาตลอดทั้งภาพเบื้องหลังการเตรียมตัว และการเดินทางไปเพื่อสื่อสารกับพี่น้องประชาชน
ไม่ว่าจะเป็นการไปคุยกับกลุ่มประชาชนที่ประสบปัญหาในท้องถิ่นต่าง ๆ จนถึงการเตรียมข้อมูลเพื่อที่จะพูดคุยในคลับเฮาส์ ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นที่คนรุ่นใหม่นิยมใช้ในการสื่อสารแบบ Two Way Communication
มาช่วงนี้ถึงแม้ไม่ได้มีตำแหน่งอะไร แต่เมื่อประเทศชาติเกิดวิกฤติ คุณพ่อผมซึ่งอัพเดทตัวเอง โดยเรียนรู้วิทยาการใหม่ ๆ ในโลกตลอดเวลา ก็อยากที่จะนำความรู้และวิทยาการสมัยใหม่ต่าง ๆ มานำเสนอให้กับประเทศไทย ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่ทำให้วิกฤตปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น สามารถบรรเทาเบาบางลงได้
ด้วยความที่คุณพ่อชอบที่จะฟังเสียงประชาชน เคารพในความคิดเห็นผู้อื่น และเห็นว่าข้อเสนอแนะของประชาชน คือทางออกและเป็นพลังในการขับเคลื่อนประเทศ
ดังนั้นเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้ามาพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคุณพ่อได้ คุณพ่อผมเตรียมเปิดพื้นที่ให้กับพี่น้องได้มา แลกเปลี่ยนความคิด มุมมอง ให้ข้อเสนอแนะ และร่วมกันหาทางออกให้กับประเทศไทยกับการสื่อสารช่องทางใหม่
เตรียมพบกับ #THAKSINOFFICIAL เร็วๆนี้ครับ
ด้าน เอม-พินทองทา บุตรสาวคนโต โพสต์ว่า
“ช่วงนี้ได้มีโอกาสมาอยู่กับคุณพ่อพักใหญ่ คุณพ่อแนะนำว่า ให้เด็ก ๆ ได้ลองใช้ smartphone, tablet แบบไม่ใส่ SIM card ให้เค้าได้ทดลองทำความคุ้นเคยเรียนรู้การทำงานของมัน
คุณพ่อบอกว่า
“Gen Alpha เมื่อโตขึ้นมาเค้าจะนั่ง driverless cars ไปทำงาน, เดินทางไปต่างประเทศด้วย hyperloop, ทำงานร่วมกับ quantum computing etc.
พ่อแม่ยุคนี้จึงควรเตรียมพื้นฐาน digital literacy ให้เด็ก ๆ พร้อมสำหรับชีวิตในโลกอนาคต”
ตั้งแต่เด็ก ๆ เอมจะเห็นคุณพ่อมี gadget ใหม่ ๆ หน้าตาแปลก ๆ กลับมาให้พวกเราดูอยู่บ่อย ๆ คุณพ่อสนใจและมี passion สำหรับเรื่องเทคโนโลยีเสมอ และมักจะเล่าให้พวกเราฟังเช่น
เมื่อปี 2528-2529 สมัยนั้นเอมจำได้เรายังไม่เคยมีโทรศัพท์มือถือ หรือโทรศัพท์เคลื่อนที่เลย คุณพ่อเอาโทรศัพท์ใหญ่มากเป็นกระเป๋าหิ้วมาใช้ พวกเราก็ตื่นเต้นกันว่าไม่มีสาย สามารถโทรที่ไหนก็ได้
คุณพ่อก็หันมาบอกว่า อีกหน่อยนะ โทรศัพท์จะสามารถฟังเพลงได้ เล่นเกมส์ และโทรแบบเห็นหน้ากันได้ เราก็ยังนึกภาพไม่ออกว่ามันคืออะไร… แต่คุณพ่อจะบอกเสมอว่า
มันคือ “ อนาคต ”
คุณพ่อสามารถนั่งเล่าให้พวกเราฟังได้ทั้งวัน กลายเป็นว่าการเปิดรับเทคโนโลยีแทรกซึมอยู่ในทุกกิจกรรม และคำสอนของคุณพ่อที่ส่งมอบมาให้ลูก ๆ และมาตอนนี้ส่งต่อมาถึงหลาน ๆ ด้วย
รอติดตามข้อมูลและแนวคิดต่อโลกอนาคตของคุณพ่อกันได้
พวกเราเชื่อว่า หากเทคโนโลยีไม่มีที่สิ้นสุด
แนวคิดและวิสัยทัศน์สำหรับโลกอนาคตของคุณพ่อก็คงไม่สิ้นสุดเช่นกัน
ขณะที่ "แพทองธาร" บุตรสาวคนเล็ก โพสต์ เพิ่งผ่านวันเกิดคุณพ่อมาไม่นาน ขอแอบเล่าความประทับใจในตัวคุณพ่อเพิ่มหน่อยนะคะ
พ่อคือ นักเล่าประจำบ้าน
คุณพ่อมักอยากจะแชร์ให้ลูก ๆ ฟังอยู่เสมอ พ่อจะโทรหาทุกคน พ่อจะเล่าซ้ำ ๆ โทรติดใครก่อนก็เล่าก่อน เล่าทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องสมัยจีบกับคุณแม่ใหม่ ๆ วีรกรรมช่วงเรียน เรื่อยมาจนถึงการลงพื้นที่ ความสนุกและความภูมิใจที่ได้ไปคลุกคลีกับประชาชน
การเล่าที่พ่อจะอินที่สุด คือเวลาพ่อคิดนโยบายอะไรได้ พ่อจะโทรบอกลูกก่อนเลย อย่างเช่น เล่าว่าลูกรู้ไหมคนที่เขาต้องไปวิ่งยืมเงินคนอื่นมารักษาโรค อีกหน่อยเขาจ่ายแค่ 30 บาท เขาก็จะหายป่วยได้ เขาจะได้ผ่าตัดโดยเสียเงินแค่ 30 บาท
อิ๊งค์ก็ถามกลับว่า จริงเหรอพ่อ มันจะเกิดขึ้นเหรอ และพ่อก็ตอบกลับว่า "พ่อทำได้ลูกคอยดูนะ"
สิ่งหนึ่งที่เราได้รับจากคุณพ่อมาเต็ม ๆ คือ การมีแรงบันดาลใจเสมอ มีความหวังในวันนี้ เพื่อสร้างพรุ่งนี้ให้ดีขึ้น
เรื่องเล่าของพ่อยังมีอีกมากเล่าวันเดียวก็คงไม่จบ ซึ่งเรื่องเล่าเหล่านี้เราอยากแบ่งปันและตีแผ่ออกไปให้ทุกคนได้สร้างแรงบันดาลใจร่วมกันนะคะ เพราะเราทุกคนต้องมีความหวังในวันนี้และพรุ่งนี้ค่ะ