ข่าว

"100 วันอันตราย" หมอมนูญ ชี้ "ล็อกดาวน์" ก็เอาไม่อยู่ เตือน คนติดเชื้อ-ตาย พุ่งจาก"เดลตา"

"100 วันอันตราย" หมอมนูญ ชี้ "ล็อกดาวน์" ก็เอาไม่อยู่ เตือน คนติดเชื้อ-ตาย พุ่งจาก"เดลตา"

12 ส.ค. 2564

"หมอมนูญ" ชี้ "ล็อกดาวน์" ก็เอาไม่อยู่ เตือน 100 วันอันตราย คนติดเชื้อ-ตายจากโควิดสายพันธุ์"เดลตา"พุ่งสูงขึ้น แนะ ปูพรมฉีดวัคซีน"แอสตราเซเนกา"ให้ครบเพียงเข็มเดียว

นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์  แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ค ถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย ระบุว่า 100 วันข้างหน้าจะเป็น 100 วันอันตราย จำนวนคนติดเชื้อ และเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในประเทศไทย จะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

 

\"100 วันอันตราย\" หมอมนูญ ชี้ \"ล็อกดาวน์\" ก็เอาไม่อยู่ เตือน คนติดเชื้อ-ตาย พุ่งจาก\"เดลตา\"

 

ต่อให้เรามีมาตรการล็อกดาวน์เข้มข้นแค่ไหน อยู่บ้าน ก็ไม่สามารถหยุดเชื้อได้ บ้านกลับเป็นแหล่งระบาดที่สำคัญที่สุด  จึงควรผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์บางอย่างได้บ้าง ก่อนที่เศรษฐกิจจะเสียหายมากไปกว่านี้ ใน 100 วันข้างหน้า ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่แท้จริงของประเทศไทย อาจเพิ่มขึ้นเป็น 35 ล้านคน หมายถึงคนไทยครึ่งประเทศจะติดเชื้อ และจะมีคนไทยเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 3 หมื่นคน

คนไทยฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มแรกแล้ว 16 ล้านคน ยังขาดอีก 40-45 ล้านคน วิธีเดียวที่จะลดจำนวนผู้ป่วยหนักเข้านอนในโรงพยาบาล และลดจำนวนคนเสียชีวิต คือการฉีดวัคซีน และต้องเร่งฉีดให้เร็วที่สุดภายใน 100 วันข้างหน้า ไม่ใช่รอถึงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า โดยปูพรมฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้คนไทยอีก 40-45 ล้านคน ฉีดวันละ 5 แสนคน โดยให้เข็มแรกทุกคนไปก่อน เมื่อมีวัคซีนเพิ่ม ค่อยให้เข็ม 2 ในภายหลัง

 

ข้อมูลจากฝ่ายสื่อสารองค์กรบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ระบุว่า วัคซีนแอสตร้า 1 โดส มีประสิทธิภาพสูงในการลดการป่วยหนักถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล และเสียชีวิต โดยมีข้อมูลจากการใช้วัคซีนในประเทศแคนาดา พบว่า วัคซีน 1 โดส ป้องกันการเสียชีวิตที่เกิดจากการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาได้ 87% และสายพันธุ์อัลฟา 90% 

 

\"100 วันอันตราย\" หมอมนูญ ชี้ \"ล็อกดาวน์\" ก็เอาไม่อยู่ เตือน คนติดเชื้อ-ตาย พุ่งจาก\"เดลตา\"

ปัญหาสำคัญเรากำลังประสบขณะนี้ คือการขาดแคลนวัคซีนอย่างหนัก ผมเคยเขียนลงใน FB เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ปีนี้ เสนอให้รัฐบาลไทย เจรจาต่อรองกับบริษัทแอสตร้าเซเนก้า ให้ส่งมอบวัคซีนที่สั่งจองล่วงหน้าให้ประเทศไทยเร็วขึ้น แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะประเทศไทยสั่งจองวัคซีนล่วงหน้าน้อย และช้ากว่าประเทศอื่น ผมเห็นด้วยกับ ศ.ดร.นพ.ประเสริฐ เอื้อวรากุล คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ที่เสนอให้นายกรัฐมนตรีใช้อำนาจตาม พรบ.ความมั่นคงด้านวัคซีนฯ งดการส่งออกวัคซีนที่ผลิตที่ Siam Bioscience ให้ประเทศอื่นเป็นการชั่วคราว

ขณะนี้ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ มีกำลังการผลิตวัคซีนประมาณเดือนละ 10-15 ล้านโดส หากใช้อำนาจตาม พรบ.งดการส่งออก ทำให้ประเทศไทยมีวัคซีน 30-45 ล้านโดสในช่วง 3 เดือนข้างหน้า ถ้าทำเช่นนั้นได้ เรามีโอกาสที่จะลดความสูญเสีย ลดจำนวนผู้ป่วยเข้านอนในโรงพยาบาล และลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้มากกว่าร้อยละ 80 แต่การฉีดวัคซีนไม่ได้ลดจำนวนผู้ติดเชื้อ การดำเนินการเช่นนี้ จะมีผลกระทบต่อประเทศอื่นในภูมิภาค ในการที่จะได้รับวัคซีนจากบริษัท แอสตร้าเซเนก้า ลดลงชั่วคราว แต่เราจำเป็นต้องทำ ผมเชื่อว่า ประเทศอื่นคงทำแบบเดียวกับเรา ถ้าเจอสถานการณ์โรคโควิด-19 ที่ย่ำแย่จากสายพันธุ์เดลตาเหมือนเราในขณะนี้