ข่าว

"แจ้งข่าวดี" จีน"ปลดล็อก"ไฟเขียว "56 บริษัทไทย"ส่งออกไปจีนได้แล้ว

"แจ้งข่าวดี" จีน"ปลดล็อก"ไฟเขียว "56 บริษัทไทย"ส่งออกไปจีนได้แล้ว

18 ส.ค. 2564

"จุรินทร์" ”แจ้งข่าวดี" จีน"ปลดล็อก"ไฟเขียว "56 บริษัท"ไทยส่งออกไปจีนได้แล้ว มีผลตั้งแต่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา ภายใต้เงื่อนไขคุมเข้ม เผยจะช่วยให้การส่งออกไม่สะดุด ส่งผลให้ราคาในประเทศปรับตัวสูงขึ้น

"นับเป็นข่าวดี"การส่งออกของไทย เมื่อกระทรวงพาณิชย์แจ้งให้ทราบความคืบหน้าจีนได้"ปลดล็อค" ไฟเขียวให้ 56 บริษัทไทยส่งออกไป "จีน" ได้แล้ว

 

เมื่อวันที่ 18 ส.ค.64  "นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข" ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า "นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้รับรายงานผลการหารือระหว่างทูตเกษตร และทูตพาณิชย์ของไทยกับหน่วยงานที่รับผิดชอบของจีนแล้ว

โดยจีนจะอนุญาตให้ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุ 50 แห่ง จาก 66 แห่ง ที่มีความถี่ในการตรวจพบศัตรูพืชค่อนข้างต่ำสามารถส่งออกลำไยไปจีนได้ และอนุญาตให้โรงคัดบรรจุอีก 6 แห่ง จาก 9 แห่ง ที่ไทยได้ระงับเองเป็นการชั่วคราวเมื่อเดือนมี.ค.2564 มีการปรับปรุงแก้ไขเป็นไปตามเงื่อนไขที่จีนกำหนด สามารถส่งออกได้เช่นเดียวกัน

\"แจ้งข่าวดี\" จีน\"ปลดล็อก\"ไฟเขียว \"56 บริษัทไทย\"ส่งออกไปจีนได้แล้ว

 

รวมแล้วจะมีโรงคัดบรรจุ 56 แห่ง ที่ได้รับอนุญาตให้ส่งออกไปจีนในครั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค.2564 ที่ผ่านมา 

 

ส่วนโรงคัดบรรจุที่เหลือ หากมีการปรับปรุงและปฏิบัติตามเงื่อนไขที่มาตรการป้องกันควบคุมศัตรูพืชในลำไยส่งออกไปจีน ตามที่ฝ่ายไทยเสนอได้ ก็จะอนุญาตให้ส่งออกได้ในระยะต่อไป

 

แต่การอนุญาตทั้งหมดนี้ ยังคงต้องได้รับการทดสอบในการตรวจสอบกักกันการนำเข้าที่จีนเหมือนเดิม และทางการจีนหวังว่าไทยจะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ เพื่อรับประกันว่าจะไม่มีการปนเปื้อนศัตรูพืชตามที่จีนกังวลอีก 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ต่อลมหายใจชาวสวน ผลไม้ครองแชมป์ส่งออก สวนกระแสโควิด-19

จาก"ค้าข้าวสยาม"สู่ผู้ส่งออกข้าวไทย

“ผู้ส่งออกข้าว” ชี้โอกาสไทยแซงอินเดียขึ้นแชมป์ส่งออกโลกปีนี้

 

นางมัลลิกา  กล่าวว่า จากการอนุญาตให้ไทยกลับมาส่งออกได้ หลังจากที่เพิ่งระงับไปเพียงไม่กี่วัน ส่งผลให้การส่งออกลำไยของไทยไปจีน มีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง เพราะผลผลิตลำไยของไทยมีตลาดรองรับที่แน่นอน ส่งผลดีต่อเกษตรกรที่ขณะนี้กำลังเป็นช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด ทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น จากการเข้ามารับซื้อของโรงคัดบรรจุและผู้ส่งออก ที่ต้องการนำลำไยไปส่งออกให้กับจีน 

 

อย่างไรก็ตาม นายจุรินทร์ได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้นอีก และให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการตรวจสอบอย่างเข้มงวดตามที่ได้เสนอฝ่ายจีนไป รวมทั้งให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เร่งทำแผนขยายตลาดให้กับสินค้าลำไยเพิ่มขึ้น

 

โดยเฉพาะการผลักดันการส่งออกไปยังประเทศเป้าหมายอื่นๆ และให้กรมการค้าภายใน ดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไยตามมาตรการที่ได้ออกมาแล้ว ทั้งการดึงผู้ส่งออก ห้าง และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมาช่วยรับซื้อไปกระจาย  

 

สำหรับมาตรการที่กรมวิชาการเกษตรเสนอทางฝ่ายจีนไปมีสาระสำคัญ ได้แก่ การปรับปรุงการจัดการที่สวนและการเก็บเกี่ยวให้มีการป้องกันกำจัดและคัดแยกลำไยที่มีเพลี้ยแป้งปะปนออก การปรับปรุงการจัดการที่โรงคัดบรรจุ

 

โดยกำหนดให้เจ้าหน้าที่ควบคุมคุณภาพ (QC) ทำหน้าที่ในการตรวจสอบศัตรูพืช มีการกำหนดจุดสุ่มตรวจศัตรูพืชเพิ่มขึ้น (รับสินค้า คัดแยก ก่อนรม หลังรม) การจัดการโครงสร้างพื้นฐาน เช่น หลอดไฟส่องสว่างและอุปกรณ์ตรวจสอบศัตรูพืช ติดภาพศัตรูพืชที่ต้องคัดแยกหรือปฏิเสธการรับวัตถุดิบ

รวมถึงมีพื้นที่ตรวจสอบศัตรูพืช เป็นต้น และการปรับปรุงการตรวจสอบและออกใบรับรองสุขอนามัยพืช (Phytosanitary certificate : PC) โดยการเพิ่มอัตราสุ่มจากเดิมร้อยละ 3 เป็นร้อยละ 10 ในกลุ่มโรงคัดบรรจุ 66 ราย

 

หากมีการตรวจพบศัตรูพืชกักกันครั้งที่ 1 จะระงับการออกใบรับรองสุขอนามัยพืชเป็นระยะเวลา 7 วัน และหากมีการตรวจพบศัตรูพืชกักกันครั้งที่ 2 จะระงับการออกใบรับรองสุขอนามัยพืชเป็นระยะเวลา 3 เดือน