ข่าว

"สามารถ" เผยเงื่อนงำ ประมูล"รถไฟฟ้าสายสีส้ม" ปมแก้ไขทีโออาร์ด้านเทคนิค

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์" เผยเงื่อนงำ "ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม" ฝั่งตะวันตก ชี้ปมสำคัญแก้ไขสัญญาประมูล"ด้านเทคนิค"

ความล่าช้าของโครงการ"รถไฟฟ้าสายสีส้ม" กลายเป็นประเด็นที่สังคมจับตามอง เหตุใดเส้นทาง"รถไฟฟ้าสายสีส้ม"ช่วงตะวันตกซึ่งอยู่ระหว่างการประมูลถึงใช้เกณฑ์ด้านเทคนิคไม่เหมือนกับการประมูลเส้นทางช่วงตะวันออก  

 

ทั้งนี้ "ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์"   รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 19 ส.ค.64 ตั้งข้อสังเกตกรณีดังกล่าวว่า "อยากให้ รฟม.เปิดใช้"รถไฟฟ้าสายสีส้ม"โดยเร็ว เนื่องจากเป็นเส้นทางที่น่าจะมีผู้โดยสารมาก เพราะวิ่งเชื่อมฝั่งธนฯ กับฝั่งพระนคร ผ่านพื้นที่สำคัญหลายแห่ง

อย่างไรก็ตาม ดร.สามารถ  ระบุว่า  หลายคนคงไม่รู้ว่าการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มซึ่งแบ่งเป็น 2 ช่วง ใช้เกณฑ์ประมูลไม่เหมือนกัน ช่วงตะวันออกซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้างใช้เกณฑ์หนึ่ง ช่วงตะวันตกซึ่งอยู่ในระหว่างการประมูลใช้อีกเกณฑ์หนึ่ง เป็นเหตุให้การประมูลล่าช้า ทำไม รฟม.จึงใช้เกณฑ์ไม่เหมือนกัน? มีเงื่อนงำอะไร หรือไม่?
 

รถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงตะวันออกใช้เกณฑ์ประมูลอะไร จึงสามารถก่อสร้างได้อย่างราบรื่น เป็นไปตามแผนงาน?

"สามารถ" เผยเงื่อนงำ ประมูล"รถไฟฟ้าสายสีส้ม" ปมแก้ไขทีโออาร์ด้านเทคนิค

รถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงตะวันออก จากศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร แบ่งเป็นระยะทางใต้ดิน 13.6 กิโลเมตร และระยะทางยกระดับ 8.9 กิโลเมตร วงเงินงานโยธา 82,907 ล้านบาท การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดประมูลหาผู้รับเหมาเมื่อปี 2559 โดยใช้เกณฑ์ประมูลซึ่งต้องพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคก่อน หากผู้ยื่นข้อเสนอได้คะแนนด้านเทคนิคไม่น้อยกว่า 70% จึงจะได้รับการพิจารณาข้อเสนอด้านราคาต่อไป ใครเสนอราคาต่ำสุดก็จะเป็นผู้ชนะการประมูล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

"ดร.สามารถ" กังขา"รฟม." เมินเสียงทักท้วง เดินหน้าประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มโดยใช้เกณฑ์ใหม่

'BTS' ยื่นฟ้อง 'รฟม.' เอาผิดล้มประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม

"บีทีเอส" จับโป๊ะ รฟม. เคลียร์คดีรถไฟฟ้าสายสีส้มส่อฮั้วประมูล

ดร.สามารถ  กล่าวว่า  จากการใช้เกณฑ์ดังกล่าว ทำให้ รฟม.สามารถคัดเลือกได้ผู้รับเหมาที่มีสมรรถนะสูง ส่งผลให้งานก่อสร้างดำเนินมาได้อย่างราบรื่น เป็นไปตามแผนงาน ถึงวันนี้มีความคืบหน้าประมาณ 85%



ทำไมรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงตะวันตกจึงไม่ใช้เกณฑ์ประมูลเหมือนช่วงตะวันออก ซึ่งใช้ได้ผลดี?

ในปี 2563 รฟม.เปิดประมูลหาผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงตะวันตก (บางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมฯ) ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร ซึ่งต้องก่อสร้างงานโยธา วงเงิน 96,012 ล้านบาท และจัดหารถไฟฟ้ารวมทั้งให้บริการเดินรถตลอดเส้นทาง ระยะทาง 35.9 กิโลเมตร วงเงิน 32,116 ล้านบาท รวมวงเงินทั้งหมด 128,128 ล้านบาท
 

เดิม รฟม.ใช้เกณฑ์เหมือนกับการประมูลช่วงตะวันออก โดยได้ปรับเพิ่มคะแนนขั้นต่ำที่จะผ่านการพิจารณาด้านเทคนิคจากเดิมไม่น้อยกว่า 70% เป็นไม่น้อยกว่า 85% ทั้งนี้ รฟม.คงเห็นว่าเส้นทางช่วงตะวันตกจะต้องเจาะอุโมงค์ใต้เกาะรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ จึงจำเป็นต้องได้ผู้ชนะการประมูลที่มีขีดความสามารถด้านเทคนิคสูงขึ้น

รฟม.เปลี่ยนเกณฑ์ประมูลกลางอากาศ!

แต่ก่อนถึงวันยื่นประมูล รฟม.ได้เปลี่ยนไปใช้ “เกณฑ์ใหม่” ซึ่งต้องพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคพร้อมกับข้อเสนอด้านผลตอบแทน โดยให้คะแนนด้านเทคนิค 30% และคะแนนด้านผลตอบแทน 70% ใครได้คะแนนรวมสูงสุดก็จะชนะการประมูล
 

ทั้งนี้ รฟม.ให้เหตุผลว่าจะต้องขุดเจาะอุโมงค์ใต้เกาะรัตนโกสินทร์และใต้แม่น้ำเจ้าพระยา จึงจำเป็นต้องได้ผู้ชนะการประมูลที่มีประสบการณ์และสมรรถนะสูง ซึ่งย้อนแย้งกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น กล่าวคือ รฟม.ได้ลดคะแนนด้านเทคนิคลงจากเดิม 100% เหลือเพียง 30% เท่านั้น เป็นการลดทอนความสำคัญด้านเทคนิคลง ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีการกำหนดคะแนนขั้นต่ำที่จะผ่านการพิจารณาด้านเทคนิคไว้ด้วย นั่นหมายความว่าไม่ว่าผู้ยื่นข้อเสนอจะได้คะแนนด้านเทคนิคต่ำเพียงใดก็จะได้รับการพิจารณาข้อเสนอด้านผลตอบแทน เมื่อเป็นเช่นนี้ ถามว่า รฟม.จะได้ผู้ชนะการประมูลที่มีขีดความสามารถด้านเทคนิคสูงตามเป้าประสงค์ได้อย่างไร?

การเปลี่ยนเกณฑ์ประมูลทำให้ รฟม.ถูกฟ้องร้องจากผู้ยื่นข้อเสนอที่เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เป็นผลให้การประมูลช่วงตะวันตกล่าช้ากว่าแผนไปแล้วประมาณ 1 ปี

ทำไม รฟม.จึงเปลี่ยนเกณฑ์ประมูล?

ผู้ติดตามเรื่องนี้ได้ตั้งข้อสงสัยต่างๆ นานา บางคนเชื่อตามเหตุผลที่ รฟม.กล่าวอ้าง บางคนคิดว่าเป็นการล็อกสเปกให้ผู้ยื่นข้อเสนอรายใดรายหนึ่งหรือไม่?

ท่านล่ะครับ มีความเห็นอย่างไร? หรือคิดว่า รฟม.มีเงื่อนงำอะไร หรือไม่?

 

ข้อสงสัยดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นข้อกังขาที่ผมและประชาชนทุกคนชอบที่จะต้องขอคำชี้แจงให้สิ้นสงสัยจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ด้วยเจตนาที่จะให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการนี้อย่างเต็มที่ โดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ ทั้งสิ้นเท่านั้นเอง

 

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา  ศาลปกครองสูงสุดได้จำหน่ายคดี กรณีบีทีเอส ฟ้อง รฟม.ล้มประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม มาแล้วด้วย  

 

ศาลปกครองสูงสุด  แจ้งว่า  ในคดีหมายเลขดำที่ 2280/2563 ระหว่าง บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส ยื่นฟ้อง คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36แห่ง พรบ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) เเละการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและการกระทำละเมิดจากคำสั่งของเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเนื่องมาจากคำสั่งทางปกครอง (อุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดีบางข้อหาเพราะเหตุแห่งการฟ้องคดีหมดสิ้นไป)


ทั้งนี้ ศาลปกครองชั้นต้น มีคำสั่งจำหน่ายคดีในข้อหาฟ้องขอให้เพิกถอนหลักเกณฑ์การร่วมลงทุนของรฟม.(ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1ที่แก้ไขเพิ่มเติมและเปลี่ยนแปลงเอกสารการคัดเลือกเอกชนเพิ่มเติมครั้งที่ 1 ที่ให้ใช้การประเมินซองที่ 2ข้อเสนอทางเทคนิคและซองที่ 3 ข้อเสนอด้านการลงทุนและผลตอบแทนรวมกันแล้วแบ่งสัดส่วนเป็นคะแนนซองที่ 2จำนวน 30 คะแนนและคะแนนซองที่ 3จำนวน 70 คะแนนในการดำเนินการคัดเลือกเอกชนเพื่อร่วมลงทุนฯ

 

และให้คำสั่ง ศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 19 ต.ค.63 ที่ให้ทุเลาการบังคับตามหลักเกณฑ์การร่วมลงทุนที่แก้ไขเพิ่มเติมและเปลี่ยนแปลงเอกสารการคัดเลือกเอกชนเพิ่มเติมครั้งที่ 1ไว้เป็นการชั่วคราวสิ้นผลบังคับลงไปด้วย

logoline