ข่าว

"สตม." รวบ"แก๊งต่างชาติ" ฟอกเงิน -หลอกขายของออนไลน์ -ชวนลงทุน -ทวงหนี้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"สส.สตม."เอาจริง รวบ"แก๊งต่างชาติ" ฟอกเงินยาเสพติดข้ามชาติ , หลอกขายของออนไลน์ ,ชวนลงทุน ,แก๊งทวงหนี้ ตามนโยบายรัฐบาล

 

 

ตามนโยบายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือท่องเที่ยวในประเทศไทย

 

 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักในประเทศไทยกระทำความผิดกฎหมาย

 

 

และก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชนทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศหรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวกับคนไทยหรือต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

 

 

\"สตม.\" รวบ\"แก๊งต่างชาติ\"  ฟอกเงิน -หลอกขายของออนไลน์ -ชวนลงทุน -ทวงหนี้
 

 

 

\"สตม.\" รวบ\"แก๊งต่างชาติ\"  ฟอกเงิน -หลอกขายของออนไลน์ -ชวนลงทุน -ทวงหนี้

 

 

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม.

 

 

ได้ร่วมกันสืบสวนติดตาม นายจอห์นเด็ก หรือ MR.NAVJOT (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี สัญชาติอินเดีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ที่ 195/2563 ลง 9 ก.ค.63

 

 

ข้อหา“ฟอกเงินและสมคบการฟอกเงิน และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

 

 

\"สตม.\" รวบ\"แก๊งต่างชาติ\"  ฟอกเงิน -หลอกขายของออนไลน์ -ชวนลงทุน -ทวงหนี้

 

 

ซึ่งนายจอห์นเด็ก นั้นเป็นผู้ต้องหารายสำคัญในขบวนการฟอกเงินจากเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติ

 

 

โดยขยายผลจากการจับกุมคดียาเสพติดเมื่อประมาณเดือนตุลาคม 2562 ในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย และพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน

 

 

โดยมีพฤติการณ์ คือ ประกอบกิจการค้าขายเครื่องใช้ไฟฟ้าบังหน้าบริเวณ ย่านพาหุรัด และเป็นผู้ติดต่อประสานงานการโอนเงินจากการค้ายาเสพติดของเครือข่ายค้ายาเสพติด เพื่อซื้อทองคำจากร้านขายทองคำในประเทศไทย

 

 

และนำทองคำหรือเปลี่ยนเป็นเงินสดส่งกลับไปยังเครือข่ายค้ายาเสพติดซึ่งเป็นลักษณะของการฟอกเงิน และการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ 

 

 

 

ทั้งนี้ได้รวมกำลังจับกุม แก๊งหลอกขายสินค้าออนไลน์ผ่านเว็ปดัง โดยจับกุมคนร้าย คือ นายสมศักดิ์ ประทีปพงศ์ อายุ 47 ปี สัญชาติไทย และนางสาว อุสามาส ทองจิตติพงศ์ อายุ 45 ปี

 

 

ข้อหาร่วมกันมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบตามมาตรา 269/5 ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน

 

 

โดยพบโทรศัพท์มือถือหลายเครื่อง พร้อมสมุดบัญชีธนาคาร บัตรกดเงินสดของผู้อื่น รวมทั้งสิ้น 50 รายการ

 

 

จากการตรวจสอบนายสมศักดิ์ฯ และ นางสาวอุสามาสฯ พบว่ามีสลิปการโอนเงินโดยชื่อบัญชีเป็นของผู้อื่นอยู่จำนวนมาก ซึ่งชื่อบัญชีธนาคารเหล่านี้พบว่าเป็นบัญชีเดียวกับที่ผู้เสียหายโอนเพื่อชำระเงินค่าสินค้า

 

 

จากการสอบถามนายสมศักดิ์ฯและนางสาวอุสามาศ เบื้องต้นให้การว่า บัญชีธนาคารและบัตรกดเงินสดเหล่านี้ ได้รับมาจากบุคคลทั่วไป เพื่อนำไปขายต่อให้กับอีกบุคคลที่ต้องการบัญชีละ 2,500 บาท

 

 

เจ้าหน้าที่ กก.2 บก.สส.สตม. เชื่อว่าพฤติการณ์ของแก๊งนี้มีการร่วมกระทำความผิดหลายคน ซึ่งจะได้ทำการสืบสวนขยายผลต่อไป

 

 

พร้อมกันนี้อีกหนึ่งเครือข่ายชาวจีน Hybrid scam หลอกเงินคนร่วมชาติ ชักชวนลงทุนในเงินสกุลดิจิตอล เสียหายกว่า 5.1 ล้านบาท

 

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปชก.สตม.และ กก.ปอพ. บก.สส.สตม. ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายในคดีนี้เป็นผู้ใด จึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานและทำการออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน คือนายเติ้ง สัญชาติจีน และนายต๋ง สัญชาติจีน

 

 

ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ”

 

 

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนจนทราบว่านายเติ้ง ได้พักอาศัยอยู่บริเวณเขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร จึงได้ทาการขอหมายค้นและเข้าทำการตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ในวันที่ 15 กรกฎาคม2564

 

 

และสืบทราบว่านายต๋ง พักอาศัยอยู่ในพื้นที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี จึงได้ทำการเฝ้าติดตามและทาการจับกุมได้ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2564

 

 

โดยจากการสืบสวนขยายผลผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การว่าได้รับการสั่งการมาจาก นายเจิ้ง ที่อยู่ที่ประเทศลาว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจะได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อทำการออกหมายจับ
และติดตามผู้ต้องหาต่อไป

 

 

ซึ่งทั้งนี้จากการติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ ทำให้สามารถติดตามเงินมาคืนผู้เสียหายได้จำนวน 1.7 ล้านบาท

 

 

ทั้งนี้ยังพบนายเลี่ยวฯ อายุ 27 ปี สัญชาติจีน ประกอบธุรกิจทวงถามหนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต สืบเนื่องจากการขยายผลการจับกุมเครือข่ายปล่อยเงินกู้พื้นที่กรุงเทพมหานคร 

 

 

จนท.ตำรวจบก.สส.สตม. และ ศปชก.สตม. ทำการสืบสวนขยายผลพบว่า เครือข่ายดังกล่าวย้ายไปอยู่ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต

 

 

และยังมีพฤติการณ์โทรทวงเงินพร้อมดอกเบี้ยโหดกับลูกหนี้ที่กู้เงินผ่านแอปพลิเคชั่นชื่อ“พลูตัส แค็ท โปร” (Plutus cat pro) ซึ่งแอปฯ ดังกล่าว ลักลอบเปิดสำนักงานอยู่ในพื้นที่ ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต

 

 

ชุดสืบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดภูเก็ตออกหมายค้นและเข้าค้นยังอาคารเป้าหมาย เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2564 พบนายเลี่ยว อายุ 27 ปี สัญชาติจีน โดยรับว่าเป็นผู้ควบคุม ดูแล จัดการ และจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงาน

 

 

ระหว่างการเข้าค้นพบพนักงานจำนวน 19 คน และทำการตรวจยึดทรัพย์สินและเอกสารที่น่าเชื่อว่ามีไว้ใช้หรือเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด เช่นสมุดบันทึกรายชื่อลูกหนี้,ซิมการ์ด,โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก รวมจำนวน 43 รายการ

 

 

จากการตรวจสอบคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กส่วนตัวของนายหลิวฯ พบรายชื่อลูกหนี้กว่า 20,000 ราย สอบถามพนักงานให้การว่าจะต้องโทรทวงหนี้ให้ได้วันละ 10-15 ราย ซึ่งจะได้ค่าจ้างเดือนละ 10,000-15,000 บาท และค่าคอมมิชชั่น 8 บาท ต่อการทวงหนี้ได้ 1 ราย

 

 

โดยจะให้ลูกหนี้ชำระเงินเข้าบัญชีธนาคารที่นายเลี่ยวฯจ้างเปิดบัญชีไว้ ชุดสืบสวน ศปชก.สตม. จึงดำเนินการจับกุมนายเลี่ยวฯ ส่งให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ตเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ