ตำรวจหิ้ว แก็ง "เผาป้อม" จราจร ใต้ทางด่วนดินแดง ฝากขังแล้ว
ตำรวจ สน.ดินแดง ฝากขัง ขาโจ๋วัย 19 ปี ผู้ต้องหาคดีเผาป้อมตำรวจจราจร ใต้ทางด่วนดินแดง ขณะร่วมชุมนุมคาร์ม็อบ พร้อมคัดค้านประกัน หวั่นไปก่อเหตุอันตรายซ้ำ
เมื่อวันที่ 21 ส.ค.64 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ยื่นคำร้องฝากขัง นายประวิตร (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาคดีเผาป้อมตำรวจจราจรใต้ทางด่วนดินแดง
ตามคำร้องระบุพฤติการณ์ สรุปว่า สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกำลังได้เข้าร่วมสังเกตการณ์ดูแลความเรียบร้อย เนื่องจากได้มีกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้นัดหมายกันทางสื่อโซเชียลมีเดียเพื่อทำกิจกรรม Car Mob ที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ โดยกลุ่ม Car Mob ดังกล่าวได้ทำกิจกรรมต่อเนื่องกันจนถึงเวลา 17.00 น. และประกาศยุติการชุมนุมที่บริเวณหน้า King power ซอยรางน้ำ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร
แต่ปรากฎว่าหลังจากประกาศยุติการชุมนุมแล้ว ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนไม่ยอมเลิกการชุมนุม จนกระทั่งเวลาประมาณ 17.40 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมพยานสืบสวนหาข่าวอยู่ที่บริเวณใกล้กับป้อมจราจรใต้ด่วนดินแดง ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนประมาณ
15-30 คน มารวมตัวกันอยู่ที่บริเวณป้อมจราจรใต้ด่วนดินแดง ซึ่งในกลุ่มดังกล่าวมีนายประวิตร หรือบาส (นามสมมุติ) ผู้ต้องหาในคดีนี้รวมอยู่ด้วย
โดยนายประวิตร ผู้ต้องหาได้สวมหมวกแก๊ปสีดำ สวมเสื้อคอโปโลแขนยาวสีน้ำตาล สวมกางเกงขายาวสีดำ สวมรองเท้าแตะสีน้ำเงินและสะพายเป้สีดำ และไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย ยืนถือวัตถุคล้ายๆ กระดาษลัง และมีชายจำนวน 2 คน ได้เทวัตถุคล้ายกับน้ำมันลงบนวัตถุที่นายประวิตร ฯ ผู้ต้องหาถืออยู่ จนมีเปลวไฟลุกขึ้น
จากนั้นนายประวิตร ฯ ผู้ต้องหา ได้โยนวัตถุติดไฟดังกล่าวเข้าไปภายในป้อมตำรวจจราจร จนเป็นเหตุทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ป้อมจราจร ทำให้ได้รับความเสียหายถูกเพลิงลุกไหม้ทั้งหลัง รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 893,000 บาท โดยขณะเกิดเหตุ ส.ต.อ.ศิวะนันห์ ชื่นเกสร สามารถบันทึกภาพไว้ได้
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการสืบสวนเพิ่มเติม โดยพบข้อมูลจากสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ซึ่งเห็นตำหนิรูปพรรณใบหน้าของนายประวิตร ฯ ผู้ต้องหาในคดีนี้เป็นผู้ร่วมก่อเหตุดังกล่าว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญา อนุมัติหมายจับนายประวิตร ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1365/2564 ลงวันที่ 19 สิงหาคม 2564
โดยกล่าวหาว่า กระทำความผิดฐานร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไป
ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองและข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 2 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า ผู้ต้องหาได้ไปหลบอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ใน ต.แพรกษาใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ จึงได้ยื่นคำร้องขออำนาจศาลจังหวัดสมุทรปราการ อนุมัติหมายค้นพบตัวผู้ต้องหา จึงได้ทำการจับกุมโดยแสดงหมายจับศาลอาญา และผู้ต้องหารับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และยังไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับนี้มาก่อน พร้อมทั้งแจ้งสิทธิตามกฎหมาย ควบคุมส่งพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนและควบคุมตัวผู้ต้องหามาโดยตลอด จะครบกำหนดควบคุมตัว 48 ชั่วโมง ในวันที่ 22 สิงหาคม 2564 เวลา 13.00 น. แต่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น โดยมีความจำเป็นจะต้องสอบพยานจำนวน 4 ปาก รอผลการตรวจสอบลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหาจากกองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขออนุญาตศาลฝากขังผู้ต้องหาเป็นเวลา 12 วัน ไปจนถึงวันที่ 1 กันยายนนี้
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง ประกอบกับพฤติการณ์ในการกระทำความผิดของผู้ต้องหาเป็นการกระทำโดยไม่เกรงกลัว
ต่อกฎหมายบ้านเมือง เป็นการเผาทำลายป้อมตำรวจจราจรซึ่งเป็นทรัพย์สินของทางราชการ ซึ่งมีไว้ใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะจนได้รับความเสียหาย อีกทั้งยังพบว่ามีกลุ่มคนร้ายซึ่งก่อเหตุเผารถตำรวจและเผาป้อมจราจรอีกหลายท้องที่จนได้รับความเสียหาย ซึ่งกรณีดังกล่าวอาจจะก่อให้เกิดพฤติการณ์ในการเลียนแบบได้
นอกจากนี้กรณีการมาร่วมกิจกรรมการชุมนุมทางการเมืองโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยของสังคมโดยรวม อาจทำให้เกิดการระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ในวงกว้างซึ่งทำให้เกิดความเสียหายหลายอย่าง และการชุมนุมทางการเมืองดังกล่าวยังมีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนจนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ
หากผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไป เกรงว่าผู้ต้องหาอาจจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 108/1(3)