ข่าว

ไม่ไหวแล้ว 8 สมาคมธุรกิจ ยื่นหนังสือขอ ศบค.-สธ. ปลดล็อกเปิด “ศูนย์การค้า”

ไม่ไหวแล้ว 8 สมาคมธุรกิจ ยื่นหนังสือขอ ศบค.-สธ. ปลดล็อกเปิด “ศูนย์การค้า”

25 ส.ค. 2564

สมาคมศูนย์การค้า ผนึกกำลังรวม 8 สมาคมธุรกิจ ยื่นหนังสือขอ ศบค.-สธ. ปลดล็อกเปิดธุรกิจใน"ศูนย์การค้า-คอมมูนิตี้มอลล์ สนามกอล์ฟ เป็นการเร่งด่วน เหตุส่งผลกระทบเลิกจ้าง ภาพรวมเศรษฐกิจเสียหายกว่า 700,000 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นทุกวัน

วันที่ 25 สิงหาคม 2564 นางศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ เคอี กรุ๊ป จำกัด ในฐานะกรรมการสมาคมศูนย์การค้าไทย และผู้แทนคณะทำงาน 8 สมาคมธุรกิจ ได้รับมอบหมายจากนายนพพรวิฑูรชาติ นายกสมาคมศูนย์การค้าไทย เปิดเผยว่า สมาคมศูนย์การค้าไทย,สมาคมธุรกิจร้านอาหาร,กลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย,สมาคมคลีนิกเอกชน,สมาคมวิชาชีพช่างผมไทย,สมาคมผู้ประกอบการสปาไทย,สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย และสมาคมสนามกอล์ฟไทย

 

 รวม8สมาคมที่เกี่ยวข้อง เดินหน้ายื่นหนังสือต่อพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ ผอ.ศปก.ศบค.และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรื่องนำเสนอแนวทางการลดระดับการล็อกดาวน์ (Lock Down) เพื่อรักษาสภาพเศรษฐกิจ พร้อมนำเสนอแนวทางการเปิดศูนย์การค้าฯ คอมมูนิตี้มอลล์ และธุรกิจต่าง ๆ ในศูนย์การค้า และสนามกอล์ฟ

รวมถึงมาตรการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อรองรับการให้บริการอย่างปลอดภัย หลังได้รับผลกระทบจากการประกาศล็อกดาวน์ของภาครัฐที่มีการประกาศและคำสั่งให้ปิดกิจการเป็นระยะ ๆ เรื่อยมา โดยทั้งผู้ประกอบการและลูกจ้างต้องประสบปัญหาทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างมาก 

 

และข้อเท็จจริงพบว่า สาเหตุของการติดเชื้อที่มาจากศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ และสนามกอล์ฟนั้นต่ำมาก อีกทั้งประชาชนโดยรวมนั้นมีความเข้าใจมากขึ้น ในการดูแลด้านสุขอนามัย ตระหนักในการเดินทางและการเคลื่อนย้ายซึ่งจะกระทำเมื่อมีความจำเป็น ในขณะที่ปัจจุบัน ร้านค้าประเภทเฟอร์นิเจอร์

โดยกลุ่มอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไทยชี้แจงเพิ่มเติมว่า ลูกค้าที่WFHมีความจำเป็นและต้องการสินค้าประเภทนี้เพิ่มมากขึ้น และความเสี่ยงต่อการติดเชื้อนั้นมีน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่แสดงสินค้า ที่สำคัญศูนย์การค้าและคอมมูนิตี้มอลล์มีมาตรการด้านสาธารณสุขที่ดีและได้มาตรฐาน

 

 

ทั้งนี้ ความเสียหายทางเศรษฐกิจจากการล็อกดาวน์ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ร้านอาหาร และ ร้านค้าประเภทต่าง ๆ มีมูลค่าโดยรวมกว่า 700,000 ล้านบาทและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

 

นับเป็นความสูญเสียและส่งผลให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นอย่างมาก ภาคเอกชนพร้อมให้ความร่วมมือในการดำเนินการตามมาตรฐานทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของประชาชนผู้มาใช้บริการในศูนย์การค้า ร้านค้า ร้านอาหารต่าง ๆ และสนามกอล์ฟ

 

 

โดยขอให้ศบค. และกระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาการปลดล็อกเป็นระยะ และมีแผนการปลดล็อกที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้ประกอบการและประชาชนรับทราบล่วงหน้า โดยอาจใช้เกณฑ์ที่ใกล้เคียงกับต่างประเทศ เช่น อัตราได้รับการฉีดวัคซีนของประชาชน

 

 

“จากกรณีศึกษา รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศ อาทิ อังกฤษ สิงคโปร์ อิตาลี เนเธอร์แลนด์ อิสราเอล มาเลเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ได้มีการปลดล็อกให้ศูนย์การค้า ร้านค้า ร้านอาหาร และสนามกอล์ฟ เปิดให้บริการตามปกติกันมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เรื่อยมา โดยหลายประเทศใช้เกณฑ์การได้รับวัคซีนของประชาชนเป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งมีตั้งแต่45% - 70%ของประชากร และพบว่าแนวโน้มของผู้ติดเชื้อและอัตราการเสียชีวิตเป็นไปในทิศทางที่ลดลง ตามลำดับ ดังนั้น พบว่า กรุงเทพฯ มีประชากรกว่า80%ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วเช่นกัน และประเทศไทยมีอัตราการติดเชื้อต่ำกว่าหลายประเทศที่กล่าวข้างต้น

 

โดยสรุป จึงอยากขอให้ ศบค.และกระทรวงสาธารณสุข ให้ความสำคัญด้านการบริหารการจัดการการฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงโดยเร็ว พิจารณาให้ความสำคัญเปิดธุรกิจต่างๆ ในศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ และสนามกอล์ฟ เพื่อเยียวยาผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบมาเป็นระยะเวลานาน

 

 

เพราะปัจจุบันผู้ประกอบการที่ต้องปิดกิจการชั่วคราวแบกรับภาระต้นทุนต่าง ๆ มากมาย อาทิ ต้นทุนค่าจ้างพนักงาน ต้นทุนดอกเบี้ยเงินกู้ ค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ ต้นทุนอื่นๆ เพื่อนำมาหมุนเวียนกิจการ หากยังไม่ได้รับการช่วยเหลือแบบเร่งด่วน เชื่อว่าจะส่งผลให้เกิดปัญหาเลิกจ้างงานจำนวนมาก ซึ่งจะกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจอย่างมาก

 

 

และเสริมท้ายว่า กรุงเทพฯมี ธุรกิจในภาคบริการเป็นสัดส่วนที่สูง และการจัดให้มีวัคซีนที่เพียงพอและมีทางเลือกที่ดี อาจผลักดันให้กรุงเทพฯเป็นVaccine Destinationให้กับประเทศข้างเคียงในภูมิภาคได้อีกทางหนึ่งด้วย”นางศุภานวิต  กล่าว