ท้าดีเอสไอเปิดหมายแดงเสี่ยกำพลหนี"คดีอ่างวิคตอเรียฯ"
จี้ดีเอสไอ เปิดหมายแดง อินเตอร์โพลหลังเสี่ยกำพลหนี "คดีอ่างวิคตอเรียฯ" ผ่านมาสามปีไร้วี่แวว ส่อซ้ำรอย บอส อยู่วิทยา
ภายหลัง นายรณสิทธิ์ พฤกษยาชีวะ ประธานมูลนิธิรณสิทธิ์เพื่อช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์และสตรี ยื่นหนังสือถึง นายสิระ เจนจาคะ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฏหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณี นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ หรือ "เสี่ยกำพล วิคตอเรีย" (เจ้าของอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเคร็ท) กับพวก
โดยที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พ.ต.ท.กรวัชร ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้กล่าวว่านายกำพล มีหมายแดงจากตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) ออกมาแล้วนั้น
นายรณสิทธิ์ ตั้งข้อสงสัยว่า นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด ก่อนจะเกษียณสิ้นเดือนกันยายนนี้ จะมีการสั่งคำสั่งที่ผิดแผกไปจากหลักปฏิบัติทั่วไปหรือเปล่าเพราะเราไม่อยากให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีกซ้ำสองในคดีเดียวกัน เพราะลูกเมียก็ถูกสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว โดยที่อยู่ๆไม่ได้รับรู้ข่าวสารอะไรเลย
ถ้าสั่งไม่ฟ้องแล้วมีการลงนามโดยผู้มีอำนาจก็หมายความว่าคดีนั้นสิ้นสุดเด็ดขาดไปเลย ผู้ต้องหาก็หลุดไปเลย เราไม่อยากให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นกับผู้ต้องหารายสุดท้ายที่เป็นเจ้าของสถานบริการแห่งนี้ แล้วก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นเหมือนคดีนายบอส อยู่วิทยา ที่อยู่ๆก็สั่งไม่ฟ้องแล้วก็หลุดจากคดีไปเลย ถ้าจะสั่งฟ้องกันใหม่ก็ต้องมาหาหลักฐาน พยานชิ้นใหม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จี้ " อัยการสูงสุด" ชี้แจงกรณีสั่งไม่ฟ้องคดีวิคตอเรียซีเครท เพื่อความโปร่งใส
“ดีเอสไอ”รับคดีค้ากาม“วิคตอเรีย”เป็นคดีพิเศษ
บุกสภายื่นสิระสอบ อัยการ-ดีเอสไอ ปล่อย"คดีอ่างวิคตอเรีย"ลอยนวล
"เท่าที่ทราบมา นายกำพล ยังคงหลบหนีอยู่ต่างประเทศ แต่ข้อเท็จจริงยังไม่ทราบ ต้องไปตรวจสอบกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ที่เป็นเจ้าของสำนวนว่าได้ทำการติดตามคดีไปถึงไหน
ล่าสุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ได้ทำหนังสือถึงอธิบดีดีเอสไอ ว่าติดตามคดีไปถึงไหน เรื่องหมายแดงถ้าเราทราบว่าอยู่ต่างประเทศ ขณะนี้เราก็ยังไม่ได้คำตอบ หมายแดงถ้าท่านบอกแล้วว่ามีการออกแล้ว นายกฯ บอกว่าออกหมายแดงแล้ว แต่เราไม่เคยเห็นหลักฐานการออกหมายแดงที่แน่ชัด เพราะฉะนั้นเราก็ยังไม่เชื่อจนกว่าจะเห็นหมายแดงในการตามจับคุณกำพลที่ต่างประเทศแล้วจริง" นายรณสิทธิ์ กล่าว
ประธานมูลนิธิรณสิทธิ์เพื่อช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์และสตรี กล่าวตั้งข้อสงสัยอีกว่า กรณีหมายแดงนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เคยให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าหมายแดงจากตำรวจสากลออกแล้วนั้นเป็นความเข้าใจด้วยตัวเองหรือว่ามีคนให้ข้อมูล ซึ่งเมื่อไปติดตามกับอธิบดีดีเอสไอ ก็บอกว่ามีการออกหมายแดงแล้วเช่นกัน จึงต้องการให้อธิบดีดีเอสไอ ออกมาโชว์หมายแดงแล้วจริง แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบ
"สิ่งเหล่านี้หลายๆอย่างมารวมกันก็เลยทำให้เราสงสัยว่ามีเจ้าหน้าที่ในขบวนการยุติธรรมที่ให้ความช่วยเหลือผู้ต้องหาหรือพยายามพลิกคดีนี้อยู่หรือไม่ เนื่องจากผู้ต้องหาหลบหนีจึงแยกสำนวนออกมาและยังไม่ได้ฟ้อง โดยที่แยกออกมามี 3 คน ได้แก่ คุณกำพล คุณนิภา ภรรยา และคุณธนพล ซึ่งเป็นลูกชาย แต่ทั้ง 3 คนไปร้องขอความเป็นธรรม และมีการถอนหมายจับออกไปแล้ว 2 คน เหลือคุณกำพลคนเดียว ซึ่งหมายจับของคุณกำพลเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ เลยต้องไปเกี่ยวพันกับการสั่งคดีของท่านอัยการสูงสุด" นายรณสิทธิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายรณสิทธ์ ยังกล่าวด้วยว่า สิ่งที่สงสัยคือถ้าพยานหลักฐานไปไม่ถึงทำไมพนักงานสอบสวนของดีเอสไอถึงเชื่อว่ามีพยานหลักฐานที่สาวตัวไปถึงได้
"ถ้าสมมติว่าพนักงานสอบสวนดีเอสไอเชื่ออย่างนั้นแล้วคณะทำงานของอัยการไม่เชื่อทำไมคณะกรรมการของอัยการจึงไม่ปรึกษากับดีเอสไอว่ามีหลักฐานอย่างไรแล้วลองมาหักล้างกัน สุดท้ายทราบว่าดีเอสไอไม่มีความเห็นแย้งกับอัยการที่สั่งไม่ฟ้อง ทั้งๆที่เป็นผู้สั่งฟ้องตอนแรก นี่คือสิ่งที่มันขัดกันอยู่ตอนนี้
เราจึงอยากทราบว่าคณะกรรมการของอัยการที่สั่งไม่ฟ้องมีเหตุผลและพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าผู้ต้องหาไม่มีการกระทำความผิดอย่างไรบ้าง ทำไมไม่เปิดเผย เพื่อให้กระจ่างในข้อสงสัยต่างๆ ถ้าเปิดหลักฐานมาเราก็หายข้อข้องใจ ที่ผ่านมาได้รับคำตอบเพียงว่าการใช้ดุลพินิจเป็นไปอย่างถูกต้องส่วนพยานหลักฐานไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งการที่บอกอย่างนี้มันไม่มีประโยชน์อะไร" นายรณสิทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบบนเว็บไซต์ interpol พบว่า มีการออกหมายแดงให้กับผู้ต้องหาสัญชาติไทย 12 ราย โดยทั้ง 12 รายนั้นไม่มีชื่อของนายกำพล