ข่าว

เดินหน้าต่อ ชมรมแพทย์ชนบท ส่องลึก "ATK" จัดซื้อผิดขั้นตอนกฎหมายหลายประการ

เดินหน้าต่อ ชมรมแพทย์ชนบท ส่องลึก "ATK" จัดซื้อผิดขั้นตอนกฎหมายหลายประการ

26 ส.ค. 2564

ชมรมแพทย์ชนบท ส่องลึก กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ATK 8.5 ล้านชุด ดันทุรังจัดซื้อ ผิดขั้นตอนทางกฎหมายหลายประการ

ยังคงติดตามจัดซื้อชุดตรวจโควิด-19 Antigen Test Kit หรือ ATK อย่างต่อเนื่อง สำหรับ ชมรมแพทย์ชนบท ล่าสุด โพสต์เฟซบุ๊คอีกครั้ง เปิดหัวข้อ ส่องลึก กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ATK 8.5 ล้านชิ้น ผิดขั้นตอนทางกฎหมายหลายประการ โดยระบุว่า ขั้นตอนคร่าว ๆ ในการจัดซื้อ ATK 8.5 ล้านชิ้น โดยย่อ และเข้าใจง่าย มีประมาณนี้คือ  

 

1. สปสช.ในฐานะเจ้าของงบประมาณ จะเป็นผู้ดำเนินการทำรายการความต้องการ เพื่อเสนอบอร์ด สปสช. เนื่องจาก ATK เป็นรายการใหม่ จึงต้องกำหนดคุณลักษณะ(สเป็ค) ก่อน เมื่อกำหนดสเป็คได้แล้ว ก็ต้องสืบราคา ต่อรองราคา กำหนดมาตรฐานเบื้องต้น เพื่อกำหนดราคากลาง นำสเป็ค และราคากลางนั้น ไปคำนวณ เพื่อของบประมาณ  
จนได้รับการอนุมัติจากบอร์ด สปสช. แต่เนื่องจาก สปสช.ไม่สามารถจัดซื้อยา และเวชภัณฑ์เองได้ จึงต้องส่งเรื่องให้โรงพยาบาลราชวิถี ในนามเครือข่ายหน่วยบริการ และองค์การเภสัชกรรมดำเนินการ

 

เดินหน้าต่อ ชมรมแพทย์ชนบท ส่องลึก \"ATK\" จัดซื้อผิดขั้นตอนกฎหมายหลายประการ

2. พอเรื่องไปถึงโรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งสังกัดกรมการแพทย์ ตามปกติ เรื่องดังกล่าว ต้องมีการนำเข้าขออนุมัติ ในที่ประชุมคณะอนุกรรมการจัดทำแผน การจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่จำเป็นตามโครงการพิเศษ (มีรองปลัด นพ.ธงชัย กีรติหัตยากร เป็นประธานแทนปลัดฯ) ซึ่งต้องให้ความเห็นชอบแผนในการจัดซื้อ อันประกอบด้วย
คุณลักษณะ หรือ สเป็ค ราคา และจำนวน ตามที่ สปสช.ส่งมา หากไม่เห็นชอบ ก็ต้องยื่นคัดค้าน แต่ที่ผ่านมา ด้วยความรีบเร่ง ไม่ได้มีการประชุมเพื่ออนุมัติแผนกรณี ATK แต่อย่างใด

 

3. เมื่อมีการอนุมัติแผนแล้วว่าซื้อแน่ ในสเป็คไหน จำนวนเท่าไหร่ ที่ราคากลางใด ทางโรงพยาบาลราชวิถี ก็จะส่งเรื่องไปที่องค์การเภสัชกรรม เพื่อให้เริ่มกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างขององค์การเภสัชกรรม แต่กรณีนี้น่าสนใจมากตรงที่ว่า คณะอนุกรรมการจัดทำแผนฯ ยังไม่ได้มีการประชุม แต่องค์การเภสัชกรรม ก็รีบไปดำเนินการ และที่สำคัญ ได้ดำเนินการลดสเป็คการจัดซื้อลงไป (โดยตัดคำว่า มาตรฐานองค์การอนามัยโลกออก) โดยพลการ เป็นการลดสเป็คโดยไม่มีอำนาจ เป็นการลดสเป็คโดยพลการ โดยไม่ลดราคากลาง แม้จะเลือกรายที่เสนอราคาต่ำสุด แต่ก็ยังส่งผลให้ได้ชุดตรวจ ATK ที่ราคาแพง ในสเป็คที่ไม่ตรงกับความต้องการของเจ้าของงบคือ สปสช.  และไม่ตรงกับความต้องการใช้ ATK ของบุคลากรทางการแพทย์ และหน่วยบริการที่ต้องการใช้ ATK คุณภาพสูง เพื่อการแก้ปัญหาวิกฤตโรคโควิดที่ระบาดรุนแรงในขณะนี้

 

4. เมื่อองค์การเภสัชกรรมจัดซื้อจัดจ้าง จนได้ผู้ชนะการประมูลแล้ว ก็ต้องแจ้งผลการจัดซื้อกลับมาที่โรงพยาบาลราชวิถี เพื่อดำเนินการลงนามการจัดซื้อจัดจ้าง หากโรงพยาบาลราชวิถีเห็นชอบลงนามในสัญญาการจัดซื้อ ตามที่องค์การเภสัชกรรมเสนอมา ทางองค์การเภสัชกรรม ก็จะลงนามสั่งซื้อจากบริษัท แต่ ผอ.โรงพยาบาลราชวิถี ยังไม่ลงนาม เพราะรู้อยู่แก่ใจว่า ซื้อผิดสเป็ค และราคาที่ได้มา ก็แพงกว่าราคาท้องตลาดที่ขายในยุโรปถึง 2 เท่า ลงนามไปก็อาจติดคุก จึงเกิดความชงักงัน จะเดินหน้าก็มีความผิด จะถอยหลังก็ไม่ได้ นี่คือเรื่องที่น่าปวดหัวของกรณี ATK ต้นเหตุทั้งหมด ก็เกิดจากการที่องค์การเภสัชกรรมไปลดสเป็ค ไม่ตรงกับความต้องการของเจ้าของงบประมาณนั่นเอง (ทำไมองค์การเภสัชจึงกล้าลดสเป็ค อันนี้ก็มีความน่าสนใจ) และยังมีการทำผิดขั้นตอนทางกฎหมายหลายประการ และหากมีการดันทุรังลงนามจัดซื้อให้ได้ คนที่ลงนาม และมีส่วนร่วมในการจัดซื้อครั้งนี้ อาจจะต้องเสียอนาคตทางราชการก็เป็นได้
 

ที่มา: ชมรมแพทย์ชนบท