"ผู้กำกับโจ้" พลิกลิ้น "ปฏิเสธทุกข้อหา" กรมคุก แจงย้ายเรือนจำ ห่วงโดนเอาคืน
"ผู้กำกับโจ้" กลับคำ ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ด้านราชทัณฑ์ แจง ย้ายทั้งแก๊งคุมขังเรือนจำพิษณุโลก ชี้ มีพื้นที่หลายแดนแยกขังได้ ห่วงเจอผู้ต้องขังที่ถูกเคยจับ
28 ส.ค. 2564 ความคืบการยื่นขออำนาจศาลจังหวัดนครสวรรค์ ฝากขัง พ.ต.อ.ธิตสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ อดีตผู้กำกับการ สภ.เมือง นครสวรรค์ ฝากขังผัดแรก ผ่านระบบการประชุมทางจอภาพ ซึ่ง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ตกเป็นจำเลยในความผิดฐาน
- เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
- ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย
- ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือ-ทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจ หรือผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมสิ่งนั้น
ซึ่งในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนยังระบุว่าการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ต้องสอบพยานอีก 10 ปาก และต้องรอผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษของผู้ต้อง จึงขออนุญาตฝากขัง มีกำหนด 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม – 7 กันยายน 2564 และขอคัดค้านการประกัน เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ มีอัตราโทษสูง ประกอบกับผู้ต้องหาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำผิดเสียเอง หากมีการปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ ก่อนจะควบคุมตัวเข้าเรือนจำ
ต่อมาได้มีการนำตัว พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือ ผู้กำกับโจ้ ไปคุมขังที่เรือนจำกลางพิษณุโลก โดยนายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำได้ขออนุญาตศาลจังหวัดนครสวรรค์ ย้ายตัว พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ และพวกรวม 7 คน ไปขังไว้ที่เรือนจำกลางพิษณุโลก เพื่อความปลอดภัยของผู้ต้องหา เนื่องจากเรือนจำจังหวัดนครสวรรค์เป็นพื้นที่สีแดง มีการระบาดของเชื้อโควิด และมีพื้นที่ควบคุมแดนเดียว
โดยเรือนจำกลางพิษณุโลกเป็นเรือนจำประธานเขตมีความมั่นคงสูง มีพื้นที่ควบคุมหลายแดนสามารถควบคุมผู้ต้องขังคดีสำคัญแยกต่างหากได้ ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 7 คนเคยเป็นตำรวจ เพื่อความปลอดภัยของผู้ต้องขังจึงต้องแยกขังจากผู้ต้องขังคดีอื่น เพราะเกรงจะไปเจอผู้ต้องขังที่เคยถูกจับกุม
สำหรับการรับตัวผู้ต้องขังใหม่เจ้าหน้าที่จะซักประวัติ ตรวจร่างกายและตรวจโควิด ก่อนแยกผู้ต้องขังไปควบคุมในห้องกักโรค 21 วัน เพื่อยืนยันชัดเจนว่าไม่ติดเชื้อ จึงจะย้ายไปควบคุมแดนภายใน และผบ.เรือนจำจะพูดคุยอธิบายถึงการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ภายในเรือนจำ เพื่อไม่ให้ผู้ต้องขังเกิดอาการเครียด หรือมีปัญหาคิดมาก ซึ่งผู้ต้องขังกลุ่มแรก 5 คนที่เรือนจำรับตัวมาก่อนหน้านี้ หลังได้รับฟังการอธิบายก็มีอาการดีขึ้น
นอกจากนี้ เรือนจำยังมีนักจิตวิทยาและนักสังคมสงเคราะห์ที่จะเข้าพูดคุยกับผู้ต้องขังใหม่อยู่แล้ว อีกทั้งในห้องควบคุมตัวจะมีวงจรปิดดู 24 ช.ม. เรื่องนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมาก โดยทั้ง 7 คนจะปฏิบัติเหมือนผู้ต้องขังคนอื่น ส่วนทนายสามารถขอเข้าเยี่ยมผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ได้ตลอดเวลา และหากมีการขอฝากขังในครั้งถัดไปก็จะใช้วิธีวีดิโอคอนเฟอเรนซ์จากเรือนจำกลางพิษณุโลกไปศาลจังหวัดนครสวรรค์