"เต้ มงคลกิตติ์" อภิปรายฯ ประยุทธ์-อนุทิน สะเทือนซิโนแวค
“เต้ มงคลกิตติ์” อภิปรายไม่ไว้วางใจ ประยุทธ์-อนุทิน สะเทือนซิโนแวค ระบุ ส่อมีทุจริตลักลอบขนแรงงานข้ามชาติ พร้อมประกาศกร้าว เตรียมยื่น ป.ป.ช.ตรวจสอบ ปมประมูลชุดตรวจ ATK
วันที่ 31 สิงหาคม 2564 นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์ ลุกขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชี้ถึงสถานภาพการเงินของประเทศในช่วง2 ปีที่ผ่านมานี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.76 ต่อ GDP ส่งผลสถานะประเทศหนี้สินท่วมตัว อีกทั้งรัฐบาลยังออก พ.ร.ก.กู้เงิน อีก 3 ฉบับ วงเงิน 1.25 ล้านบาท
พร้อมกับอ้างอิงถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่มีประชาชนติดเชื้อสะสมกว่า 1 ล้านคนและมีผู้เสียชีวิตกว่า 11,500 คน และอ้างถึงหนังสือของบริษัทไฟเซอร์ ทำหนังสือขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีเมื่อช่วงกลางเดือนเมษายน 2563 แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับ รวมถึงในการทำหนังสือขอพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขช่วงเดือนกรกฎาคม 2563 แต่ก็ไม่มีการตอบรับจากทางกระทรวงก่อนจะท้วงติงรัฐบาลถึงการบริหารจัดการวัคซีน รวมถึงทักท้วงกรณีไทยไม่เข้าร่วมโคแวกซ์ในการจัดการวัคซีน
พร้อมกันนี้ยังเปรียบเทียบชนิดวัคซีนที่แข่งขันสูงในตลาดโลก ทั้งประสิทธิภาพและราคา รวมถึงแผนการจัดซื้อวัคซีนของไทย 7 ยี่ห้อ แต่ตั้งข้อสังเกตถึงการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคระหว่างบริษัทและรัฐบาลไทย โดยเฉพาะอ้างถึงสายสัมพันธ์เครือญาติของคนในบริษัทซิโนแวกซ์กับเจ้าสัวรายหนึ่งของไทย
นอกจากนี้ยังอภิปรายตั้งข้อสังเกตถึงการทุจริตลักลอบขนแรงงานข้ามชาติ ที่ชี้ว่ารัฐบาลปล่อยปละละเลย และ ยังมีการนิรโทษกรรมให้กับแรงงานและนายจ้างที่ลักลอบขนแรงงานผิดกฎหมายตามมติ 29 ธันวาคม 2563
พร้อมชี้ว่ารัฐบาลตัดสินใจผิดพลาด คือ ปล่อยให้ประชาชนกลับต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น รวมถึงการสั่งปิดแคมป์คนงานในกรุงเทพมหานคร ทำแรงงานแห่กลับบ้านและเกิดการแพร่เชื้อไปยังต่างจังหวัด มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่ระบบสาธารณะสุขล้มเหลว คนเข้าไม่ถึงการบริการด้านสาธารณสุข
จากนั้นอ้างว่ารัฐบาลยังมีแนวคิดที่จะออกกฏหมายนิรโทษกรรมให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการโควิด-19 และยังปิดกั้นสื่อมวลชนออกประกาศคำสั่งห้ามเสนอข่าวสารที่กระทบต่อความมั่นคง และกล่าวถึงการประมูลชุดตรวจโควิด ATK ที่มีความผิดปกติ และเตรียมยื่น ป.ป.ช.ตรวจสอบต่อไป
และใช้อำนาจสั่งปราบปรามผู้เห็นต่างทางการเมือง ออกกฎหมายนิรโทษกรรมความผิด และใช้กฏหมายปิดปากประชาชน ค้าความตายทำให้ประชาชนลำบาก และเป็นความวิบัติของบ้านเมือง และจขอให้นายกรัฐมนตรีลาออก
บรรยากาศในช่วงท้ายมี ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลทั้งจากพรรคภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ลุกขึ้นประท้วงนายมงคลกิตติ์ ข้อบังคับข้อ 69 ใช้ถ้อยคำเสียดสี ไม่สุภาพ และประธานในที่ประชุมย้ำเตือนผู้อภิปรายไม่ใช้เวทีสภาฯใส่ร้ายเสียดสี