
ไทยเบฟส่งบรั่นดีน้องใหม่รุกตลาดบน
ไทยเบฟรุกตลาดระดับบน ส่งบรั่นดีน้องใหม่ "เมอริเดียน" ขยายฐานลูกค้าไฮเอนด์ ปีแรกตั้งเป้าชิงส่วนแบ่งตลาด 10% วาดฝัน 5 ปี ขยับถึง 50%
นายวิโรจน์ จันทรโมลี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยถึงแนวทางการทำตลาดของกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ว่า บริษัทต้องการขยายเซกเมนต์การทำตลาดไปสู่กลุ่มพรีเมียมมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมากลุ่มแมสและมีเดียมมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งแล้ว ซึ่งบริษัทมองว่าการขยายตลาดขึ้นไปสู่ระดับบนจะช่วยยกระดับแบรนด์ให้มีความแข็งแกร่งขึ้น โดยสินค้าแรกที่จะเข้ามาก็ต้องเป็นสินค้าระดับไฮเอนด์ ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวบรั่นดีภายใต้แบรนด์ “เมอริเดียน” ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของการเปิดตลาดนี้
ทั้งนี้บริษัทใช้โรงงานที่มีอยู่เดิมคือ ยูไนเต็ด ไวน์เนอรี่ จ.นครปฐม ด้วยงบลงทุน 100 ล้านบาท เบื้องต้นมีกำลังการผลิต 1.7 แสนลังต่อปี หรือคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดปีแรก 10% จากตลาดรวมบรั่นดี 1.7 ล้านลัง หรือคิดเป็นมูลค่า 9,000 ล้านบาท และใน 5 ปี บริษัทคาดว่าจะมีส่วนแบ่ง 50% ส่วนแนวทางการทำตลาดปีแรกจะใช้งบ 100 ล้านบาท ในการโปรโมทผ่านสื่อทุกช่องทาง เน้นทำกิจกรรมผ่านร้านค้าครอบคลุมกว่า 3.5 แสนราย ที่ไทยเบฟมีความแข็งแกร่งในการกระจายสินค้าผ่านช่องทางนี้อยู่แล้ว และเน้นทำตลาดในต่างจังหวัด 65% มุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่อายุ 25-35 ปี ที่ต้องการลองสินค้าใหม่ ขณะที่คู่แข่งจะมีลูกค้าที่อายุระดับ 25-60 ปี นอกจากนี้ช่วงปลายปีจะเปิดตัวสินค้ากลุ่มพรีเมียมเพิ่มคือ สกอต โดยตั้งเป้า 5 ปีนี้จะช่วยให้กลุ่มพรีเมียมมีสัดส่วนการขาย 25-30% ของกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของบริษัท
“เชื่อว่าเมอริเดียนจะได้รับการยอมรับจากตลาด เพราะมีจุดเด่นตรงที่ความเป็นบรั่นดีเกรด V.S.O.P กลิ่นหอม รวมทั้งการออกแบบแพ็กเกจจิ้งด้วยรูปขวดที่ทันสมัย ที่เน้นเจาะกลุ่มร้านอาหารเป็นหลัก สำหรับเมอริเดียนเน้นการดื่มแบบผสมกับมิกเซอร์ มี 2 ขนาด คือ ขวดกลม 700 ซีซี ราคา 450 บาท และขวดแบน 0.35 ลิตร ราคา 229 บาท" นายวิโรจน์ กล่าวและว่า ปัจจุบันธุรกิจสุราของบริษัทแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.สุราสี คือ แม่โขง หงส์ทอง 2.สุราขาว เช่น นิยมไทย รวงข้าว และ 3.สุราสมุนไพร เช่น เซี่ยงชุน ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มเป็นระดับแมส