ส.ป.ก. Kick Off " ฟ้าทะลายโจร" 1 ล้านต้นสู่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน
ส.ป.ก. Kick Off "ฟ้าทะลายโจร " 1 ล้านต้นสู่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน มุ่งหวังให้เป็นแหล่งปลูกพืชสมุนไพรที่ใหญ่และมีคุณภาพที่สุดในประเทศให้ได้ในอนาคต
1 ก.ย. 64 ณ ศูนย์ส่งเสริมและขยายพันธุ์พืชในเขตปฏิรูปที่ดิน ตำบลพระยาบันลือ อำเภอลาดบัวหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงาน “Kick Off ฟ้าทะลายโจร 1 ล้านต้น สู่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน”
ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดงานว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เป็นปัญหาสำคัญเร่งด่วนของประเทศไทยในขณะนี้
รัฐบาลนำโดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีนโยบายให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบในทุกระดับและทุกมิติ และเล็งเห็นความสำคัญของการนำสมุนไพรฟ้าทะลายโจรมาใช้ประโยชน์ในการรักษาโรค
รวมถึงสนับสนุนให้มีการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะก่อให้เกิดรายได้ให้กับเกษตรกร รวมทั้งเป็นการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปปฏิบัติให้เกิดผลสัมฤทธิ์และเกิดประโยชน์
ตลอดจนเป็นการส่งเสริม พัฒนา และต่อยอดให้เกษตรกรและประชาชนที่สนใจนำไปปรับใช้และพัฒนาให้เหมาะกับสภาพพื้นที่ของตนเอง โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อให้แนวนโยบายดังกล่าวสามารถดำเนินการได้สำเร็จตามเป้าหมาย
จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายการบริหารจัดการพืชสมุนไพรฟ้าทะลายโจรและพืชสมุนไพรอื่นและแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตามที่ได้กำหนดไว้ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาสมุนไพรไทยทั้งระบบ เพื่อให้เกิดความมั่นคงทางด้านสุขภาพและความยั่งยืนทางด้านเศรษฐกิจ
สำหรับการจัดงาน "Kick Off ฟ้าทะลายโจร 1 ล้านต้น สู่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน” ในวันนี้ นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่มีความสำคัญยิ่ง ซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะกลไกของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ ภาคอุตสาหกรรม รวมถึงเครือข่ายเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร
โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินที่จะได้รับต้นฟ้าทะลายโจรเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ท่ามกลางการระบาดของโรคโควิด-19 และเป็นการเตรียมการของเกษตรกรและเครือข่ายเพื่อยกระดับการพัฒนาฟ้าทะลายโจรสู่ภาคอุตสาหกรรมต่อไป
ขณะที่ ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการ ส.ป.ก. กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ อยู่ภายใต้โครงการขับเคลื่อนสมุนไพรฟ้าทะลายโจรต้านภัยโควิค-19 ในเขตปฏิรูปที่ดิน ตามนโยบายสำคัญเร่งด่วนของร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า (รมช.กษ.)
โดยมอบหมายให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) ทำการจัดหาและกระจายพันธุ์ ฟ้าทะลายโจรให้เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อสร้างการพึ่งตนเองในระดับครัวเรือนและชุมชน และสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นรายได้เชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรม ส.ป.ก.
จึงดำเนินโครงการขับเคลื่อนสมุนไพรฟ้าทะลายโจรต้านภัยโควิด-19ในเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อส่งเสริม สนับสนุนกล้าพันธุ์ องค์ความรู้ในการปลูก และใช้ประโยชน์สมุนไพรฟ้าทะลายโจร ให้แก่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินทั้งจังหวัด 72 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 1,000,000 ต้น แก่เกษตรกร จำนวน 100,000 ราย
และขับเคลื่อนศูนย์ส่งเสริมและขยายพันธุ์พืชในเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อพัฒนาสมุนไพรไทยอย่างครบวงจร 5 ศูนย์ 5 ภูมิภาค เพื่อเป็นหน่วยสนับสนุนองค์ความรู้การปลูกและการใช้ประโยชน์ที่ถูกต้องแก่เกษตรกรได้นำไปใช้ต่อยอดสร้างรายได้ในอนาคต
โดยมีเป้าหมายการแจกจ่ายฟ้าทะลายโจรให้กับเกษตรกรให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2564 นี้
หากดำเนินการเสร็จสิ้นคาดว่าพื้นที่ ส.ป.ก. จะมีศักยภาพในการผลิตกล้าพันธุ์พืชสมุนไพร จำนวน 50,000 กล้า/ศูนย์/ปี สนับสนุนแก่เกษตรกรปีละ 5,000 ราย นำไปปลูกในแปลงตนเองเพื่อสร้างรายได้ เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ 6,000,000 บาท/ศูนย์/ปี รวมมูลค่าทางเศรษฐกิจทั้ง 5 ศูนย์ สูงถึง 30,000,000 บาท/ปี
นอกจากนี้ ส.ป.ก. มีแผนที่จะส่งเสริม สนับสนุนการประกอบการฟ้าทะลายโจรเชื่อมโยงภาคอุตสาหกรรม กับสถาบันเกษตรกรที่มีศักยภาพ ทั้งปัจจัยการผลิต การบริหารจัดการ และกระบวนการผลิต การรับรองมาตรฐานการผลิต (GAP)มุ่งเน้นสร้างและพัฒนาเกษตรกรให้เป็นผู้ประกอบการสมุนไพร 24 จังหวัด
โดยในระยะเริ่มแรกจะนำร่องในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ สกลนคร น่าน อุทัยธานี และฉะเชิงเทรา จำนวน 80 ตัน:แห้ง รวมไปถึงความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายในการสนับสนุนด้านนวัตกรรม การแปรรูปในระดับพื้นที่ที่มีคุณภาพมาตรฐาน
โดยให้การสนับสนุนโรงอบพลังงานแสงอาทิตย์ต้นทุนต่ำแบบพาราโบลาโดม งบประมาณ 95,000 บาท/หลัง เพื่อต่อยอดแก่สถาบันเกษตรกร เตรียมขยายผล ปี 2565 จำนวน 40 หลัง 32 จังหวัด และให้การสนับสนุนแก่สถาบันเกษตรกรที่ขับเคลื่อนเรื่องสมุนไพร
รวมทั้งสินค้าเกษตรอื่นอีกปีละ 40 หลัง ภายในปี 2570 เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมทั้ง 72 จังหวัด จะได้รับการสนับสนุนโรงอบพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวนทั้งสิ้น 200 หลัง
ในการจัดงานครั้งนี้ นอกจากจะมีกิจกรรมการส่งมอบฟ้าทะลายโจรแก่ตัวแทนเกษตรกร ณ สถานที่จัดงาน แล้วยังมีการจัดแสดงนิทรรศการการขับเคลื่อนงานสมุนไพรในเขตปฏิรูปที่ดิน
พร้อมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเรื่องการพัฒนาสมุนไพรในเขตปฏิรูปที่ดิน ระหว่าง ส.ป.ก. กับ กรมพัฒนาที่ดิน (พด.) และกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก (พท.) อันจะเกิดความร่วมมือการทำงานร่วมกันต่อไปในอนาคต
ความร่วมมือระหว่าง ส.ป.ก.กับ พด.เป็นการร่วมมือกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานปัจจัยการผลิตพืชสมุนไพรในเขตปฏิรูปที่ดิน คือ ดินและน้ำ รวมไปถึงการสนับสนุนงานด้านวิชาการ งานวิจัยองค์ความรู้ นวัตกรรม เทคโนโลยี หรือเครื่องมือต่าง ๆ ในการพัฒนาดินและน้ำ เพื่อให้เกษตรกรสามารถผลิตพืชสมุนไพรได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพียงพอและมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ
สำหรับความร่วมมือระหว่าง ส.ป.ก. กับ พท. ซึ่งจะร่วมมือในการพัฒนาและสนับสนุนสมุนไพรไทยอย่างครบวงจร เช่น การผลิตและแปรรูปสมุนไพรประเภทต่าง ๆ แก่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดินให้มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพ
การสร้างผลิตภัณฑ์สมุนไพรของเกษตรกรให้มีความหลากหลายและมีคุณภาพมาตรฐาน ทั้งประเภทยา อาหาร อาหารเสริม เวชสำอาง และสินค้าบริการต่าง ๆ ให้เป็นที่ยอมรับการส่งเสริมให้เกษตรกรเป็นผู้ประกอบการสมุนไพร สามารถบริหารจัดการสมุนไพร เชื่อมโยงผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้การสนับสนุนงานด้านวิชาการ งานวิจัย นวัตกรรม เทคโนโลยี เครื่องมือด้านวิทยาศาสตร์หรือเครื่องมือต่าง ๆ แก่เกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน
นอกจากนั้นยังส่งเสริม สนับสนุนการสร้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องภูมิปัญญา แนวคิด ประสบการณ์ องค์ความรู้ และการบริหารจัดการสมุนไพรทั้งระบบของเกษตรกร ชุมชน สภาบันเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน รวมทั้งภาคีความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง
“การมอบต้นกล้าฟ้าทะลายโจรในวันนี้ นอกจากจะเป็นการขยายพันธุ์ไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ของ ส.ป.ก. ทั่วประเทศแล้ว ยังมุ่งหวังให้เป็นแหล่งปลูกพืชสมุนไพรที่ใหญ่และมีคุณภาพที่สุดในประเทศให้ได้ในอนาคต และหากนับเวลาไปอีก 3 เดือนข้างหน้า ต้นกล้าเหล่านี้ก็จะเติบโตพร้อมนำไปจำหน่ายหรือแปรรูป ซึ่งเปรียบเสมือนของขวัญปีใหม่ให้กับเกษตรกรในเขตปฏิรูปที่ดิน สามารถสร้างรายได้และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ในพื้นที่
ส.ป.ก. ได้อย่างยั่งยืนต่อไป” เลขาธิการ ส.ป.ก. กล่าวทิ้งท้าย