ข่าว

"โหวตล้มนายกฯ"กระแสแรง จับตา บิ๊กตู่  จะอยู่หรือไป

"โหวตล้มนายกฯ"กระแสแรง จับตา บิ๊กตู่ จะอยู่หรือไป

02 ก.ย. 2564

การอภิปรายไม่ไว้วางใจ รมต.รายบุคคลผ่านไป 2 วัน ฝ่ายค้านยังไม่มีหลักฐานเด็ด แต่กระแสข่าวล็อบบี้"โหวตล้มนายกฯ"ซึ่งเกิดจากฝ่ายรัฐบาลเอง ไม่ใช่เรื่องเลื่อนลอย การลงมติญัตติไม่ไว้วางใจครั้งนี้ น่าจับตาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะได้ไปต่อหรือไม่

 

 

ผ่านไปแล้วกับการอภิรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคลเป็นวันที่สองและย่างเข้าสู่การอภิปรายวันที่สาม

 

 

ภาพรวมในการอภิปรายวันที่สอง ส่วนใหญ่ฝ่ายค้านเน้นหนักไปที่การบริหารงานของรัฐบาลล้มเหลวจากการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ระบาดของโควิด 19 ที่มีคนเจ็บป่วย ล้มตายจำนวนมาก

 

 

และส่งผลทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ความเหลื่อมล้ำ จีดีพีตกต่ำ คนตกงาน ธุรกิจปิดตัว  การบริหารจัดการวัคซีนมีปัญหา

 

 

โดยยังพุ่งเป้าไปที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้นำรัฐบาล

 

 

 

 

และในการอภิปรายวันที่สองมีประเด็นที่  พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯถึงกรณีนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กระทรวงกลาโหม ในการอภิปรายฯช่วงค่ำวันแรก

 

 

โดยนำเสนอข้อมูลเรื่องปฏิบัติการ IO ของกองทัพบก โดยอ้างถึงเอกสารกองทัพภาคที่ 2 นั้น พล.อ.ชัยชาญ ยืนยันว่า ในการดำเนินการของกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ไม่เคยมีนโยบายสั่งการให้กองทัพ หรือ กอ.รมน. ปฏิบัติการด้านข่าวสารในลักษณะบิดเบือนหรือให้ร้ายใครทั้งสิ้น

 

 

และทางกองทัพได้ดำเนินการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเอกสารที่นายณัฐชา นำมาอภิปรายนั้น ไม่ใช่เอกสารจริง  

 

 

ทำให้ นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.เขตบางขุนเทียน พรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นผู้อภิปรายในประเด็นดังกล่าว ขอใช้สิทธิพาดพิงชี้แจงต่อที่ประชุมสภาโดยบอกว่าพร้อมเข้าสู่การตรวจสอบและไปสู้ต่อในศาล 

 

ในด้านกองทัพภาคที่ 2 ได้ออกมาชี้แจง ยืนยันว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเท็จ ได้มีการปลอมแปลง รูปแบบไม่เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ รวมทั้งการลงลายมือชื่อไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง จึงได้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา เป็นหลักฐานแล้ว
 

 

 

ส่วนช่วงค่ำของการอภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่สอง เวลาประมาณ 2 ทุ่ม ถึงคิวอภิปรายของ "ดาวสภา" อย่างนายจิรายุ  ห่วงทรัพย์ ส.ส. กทม.พรรคเพื่อไทย

 

 

แต่บรรยากาศในที่ประชุมสภา มี ส.ส.โหรงเหรงมาก ทำให้นายจิรายุ ไม่อยากอภิปรายสักเท่าใด

 

โดยบอกประธานในที่ประชุมว่าให้  "รัฐมนตรี" ที่ถูกอภิปรายชี้แจงก่อนก็ได้

 

 

แต่ประธานฯในที่ประชุม บอกว่า ไม่สามารถบังคับให้รัฐมนตรี ชี้แจงได้และปรากฏว่าไม่มีรัฐมนตรีคนใดลุกขึ้นชี้แจง สุดท้ายนายจิรายุ ก็ต้องอภิปรายตามคิวไม่สามารถเลื่อนได้

 

 

โดยนายจิรายุ ได้อภิปรายถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปรียบเป็นนายกฯ 5 บาป 

 

 

บาปแรก คือการขโมยความสุขของประชาชน โดยอ้างคำว่าเราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน แต่ทำให้ประชนหลอนจนปีที่ 8 มากไปกว่านั้นคือการกู้เงิน 3.28 ล้านล้าน จนมีฉายานักกู้แห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา 

 

 

บาปที่ 2 คือมีพฤติกรรมค้าความตาย บนคราบน้ำตาของประชาชน โดยนายจิรายุ อภิปรายถึงมาตรการคลายล็อกต่าง ๆ ของประชาชน ที่ออกกฎกติกาที่สร้างความสับสนให้กับประชาชน

 

 

พร้อมเปิดวีดีทัศน์ภาพการเสียชีวิตคาบ้านและตามท้องถนน รวมถึงความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 

 

 

บาปที่ 3 คือปัญหาการเข้าถึงระบบสาธารณสุขของคนไทย ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ทุกคนเมื่อติดโควิด-19 

 

 

บาปที่ 4 คือการโกหกประชาชนเพื่อจะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นเวลานาน ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีการปฏิรูปที่ชัดเจน หรือเรียกว่า การปฏิรูปในคืนหลอกหลวง 

 

 

และ บาปที่ 5  นายกฯ ยังเมามันในอำนาจปล่อยข้าราชการชั่วทุจริต 

 

 

และไฮไลต์สำคัญอีกช่วงหนึ่งก็คือ ระหว่างการอภิปรายของนาย จักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส. จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้นำ ส.ส.ของพรรคพร้อมใจกันชูป้ายรูปหน้า พล.อ. ประยุทธ์ นายกฯ  ในลักษณะที่ถูกคาดตาสีดำพร้อมเขียนข้อความทับด้วยอักษรสีแดงว่า
‘หยุดยุทธ์’ กลางสภา 

 

 

แต่กระแสการเมืองที่ร้อนแรงในขณะนี้ไม่ใช่เนื้อหาซักฟอกในสภาฯ แต่เป็นเรื่องของการมีข่าวที่ว่ามีการล็อบบี้ รวมหัวกัน เพื่อโหวตล้ม พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

 

 

ประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น แม้กระทั่ง นายกฯ ยังตั้งใจพูดถึงเรื่องนี้เอง( ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นในลักษณะเช่นนี้)ว่า หากข่าวโหวตคว่ำนายกฯเป็นจริง ก็ไม่ใช่สุภาพบุรุษ ไม่ใช่เวลาที่จะมาทำอย่างนั้น ทำไปเพื่ออะไร

 

 

ด้าน ร.อ. ธรรมนัส  ซึ่งถูกพาดพิงว่าเป็นตัวตั้งตัวตีในเรื่องนี้ บอกว่า ขบวนการมีหรือไม่มี ต้องไปถามคนที่เต้าข่าวเรื่องนี้ว่าต้องการอะไรแน่ และไม่ใช่พรรคฝ่ายค้าน แต่เป็นพรรครัฐบาล ไอ้ห้อย ไอ้โหน ทั้งหลายชอบเลียแข้งเลียขา เดี๋ยวเจอกัน

 

 

สนิมเกิดแต่เนื้อในพรรคพลังประชารัฐเป็นจริง สะท้อนถึงเสถียรภาพของรัฐบาล

 

 

ดังนั้นการลงมติในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ต้องมีอะไรแน่นอนน่าจับตา และ พล.อ. ประยุทธ์ จะอยู่หรือไป