"สุชัชวีร์" ฉายภาพ การศึกษา1ใน3ปัจจัยที่ เวียดนาม ชนะไทย
เชื่อหรือไม่ การศึกษาเชิงคุณภาพควบคู่การ ปลูกฝังความรักชาติ เป็น 1 ใน 3 ปัจจัยกระตุ้นให้ เวียดนาม ชนะ ไทย “สุชัชวีร์” ระบุเวียดนามมีคนระดับมันสมองจำนวนมาก กำลังก้าวขึ้นเป็น จีน2ในเอเชีย
ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และ นายกสภาวิศวกรกล่าวว่า จากเหตุการณ์ “กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา” เยือนอาเซียนอย่างเป็นทางการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"สจล." นำร่อง 7 จังหวัดดูแล ผู้สูงอายุในชุมชนแบบไร้รอยต่อ
"สจล." ออก 5 มาตรการเร่งด่วนช่วยนักศึกษาสู้โควิด-19 ระลอกใหม่
“สจล.” เปิด ศูนย์ โฮม ไอโซเลชัน พระจอมเกล้าลาดกระบัง
ลงเครื่องพบผู้นำสิงค์โปร์3วัน เพื่อกระชับความร่วมมือสนับสนุนสิงคโปร์เป็นศูนย์นวัตกรรมทางการแพทย์และสาธารณสุขระดับโลก ก่อนบิน(ข้ามประเทศไทย)ไปคุยกับผู้นำเวียดนามอีก2วัน แล้วบินกลับกรุงวอชิงตัน โดยที่ไม่มาประเทศไทย
ถือว่าครั้งนี้ “สิงคโปร์” ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ เพราะได้ทั้งความเชื่อมั่นในการเมืองระหว่างประเทศ ว่าคือ “ศูนย์กลาง หรือ ผู้นำชาติอาเซียน” ที่ได้ทั้งกำลังการลงทุนและได้ทั้งกำลังมันสมอง เพื่อยกระดับเศรษฐกิจของชาติ ไม่ว่ากัน เพราะสิงคโปร์กับอเมริกาผูกพันกันต่อเนื่องและยาวนาน
"แต่ “เวียดนาม” ประเทศสังคมนิยม ที่ในอดีตเกิดความขัดแย้งทางการทหารจนเกิดสงครามกับสหรัฐฯ แต่ในวันนี้เป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับสหรัฐฯ และกำลังก้าวขึ้นเป็น “จีน2” ในเอเชีย ซึ่งหากวิเคราะห์ถึงปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้เวียดนามก้าวกระโดดข้ามประเทศไทย" ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าว
เผย 3 ปัจจัยกระตุ้นให้ เวียดนาม ชนะ ประเทศไทย
1.“เวียดนาม” มีปริมาณกำลังคนประชากรมากกว่าไทยมีคน100ล้าน และไม่ใช่แค่คนระดับใช้แรงงาน แต่ยังมีคนระดับชั้นมันสมองเพิ่มมากขึ้น จากการพัฒนาการศึกษา “เชิงคุณภาพ” อย่างต่อเนื่องและจริงจัง ซึ่งพิสูจน์ได้จากเด็กเวียดนามที่ได้รับทุน (ของไทย) เพื่อมาศึกษาต่อในระดับปริญญาโทและเอก ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ผลลัพธ์คือ ทุกคนทั้งเก่งคณิตศาสตร์ (มากกว่าเด็กไทย) ภาษาอังกฤษก็เข้มแข็งกว่า และยังขยันสุดๆ น่ากลัวมาก แต่อาจารย์ไทยชอบมาก เพราะทำงานวิจัยได้ยอด รับผิดชอบสูง น่าประทับใจ
อย่างไรก็ตาม ตามข้อมูลข้างต้นเป็นเพียงเด็กเวียดนามระดับกลาง เพราะระดับตัวท็อปจะเดินทางไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา โดยในวันนี้มีมากกว่า24,000คน ที่เน้นศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูง ขณะที่มีเด็กไทยเรียนอยู่ในอเมริกาเพียง6,000คน น้อยกว่าเวียดนาม4เท่า! ซึ่งสะท้อนได้ว่า เวียดนามกำลังมี “คนระดับมันสมอง” โดยเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์ ที่เป็นรากฐานของการยกระดับประเทศมากกว่าไทย (หลายเท่า)
2.“เวียดนาม” มีเงิน มีงบประมาณเพราะเศรษฐกิจเวียดนามปีที่ผ่านมาเติบโตที่สุดของโลก ขณะที่ประเทศอื่น รวมทั้งไทย ติดลบ! และแค่ครึ่งปีนี้ โตไปมากกว่า5%แล้ว และจะร้อนแรงยิ่งขึ้น เพราะเกิดการลงทุนจากต่างประเทศมหาศาล (มากกว่าลงทุนในไทยไปนานหลายปีแล้ว) เพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระดับโลก มีบริษัทเกาหลีมาลงทุน4,000กว่าบริษัท ขณะที่มาไทย400บริษัท และมีบริษัทชั้นนำของโลกทุกแขนงกำลังมุ่งสู่เวียดนาม ทำให้เกิดการส่งออกสินค้ามูลค่าเพิ่มมหาศาล ซึ่งตอนนี้เวียดนามส่งออกมากกว่าไทยไปแล้ว และกำลังจะทิ้งห่างไปเรื่อย ๆ หากเราไม่คิดสู้
3.“เวียดนาม” มีความรักชาติ เป็นชาตินิยมสูงถือเป็นจุดแข็งของเวียดนาม เด็กเวียดนามทุกคนเรียนรู้ “ประวัติศาสตร์ชาติ” รู้จัก “การต่อสู้ของลุงโฮ” ท่านโฮจิมินห์ บิดาของชาติ (เคยมาอยู่เมืองไทย) รู้เรื่องราว การต่อสู้ ด้วยความทรหด อดทน ไม่ยอมแพ้ ให้ทั้งชีวิตเพื่อสร้างชาติ ทั้งคนเวียดนาม ปลูกฝังค่านิยม การรักการอ่าน การขยันเรียนแบบสุดๆ โรงเรียนเวียดนาม แม้ไม่ใหญ่ ไม่สวย เหมือนโรงเรียนไทย แต่คุณภาพไม่แพ้ใครในโลก ลองดูคะแนนมาตรฐานPISA Scoreเด็กเวียดนามทำได้คะแนนสูงสุดในอาเซียน เกือบเท่าเด็กสิงคโปร์! อย่างไรก็ตาม คนอเมริกันเชื้อสายเวียดนามในสหรัฐฯ ก็เรียนเก่ง (ที่MITที่พี่เอ้เรียนจบมา ก็มีเด็กอเมริกันเวียดนามเยอะมาก) ประสบความสำเร็จสูงมาก แม้แต่คุณหมอ พญ.ดร. พริสซิลลา ชาน ภรรยาคนสวยของมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ก็เป็นคนเชื้อสายเวียดนาม คนเหล่านี้ยังสนับสนุนประเทศเวียดนามทุกรูปแบบ เต็มที่
“ไม่อยากให้คนไทยมองข้ามเรื่องนี้ รุ่นพ่อแม่เราเกิดมา ก็ไม่แพ้เกาหลี วันนี้เกาหลีเป็นประเทศชั้นนำของโลกไปแล้ว ส่วนสิงคโปร์ มาเลเซีย วันนี้เขากระโดดไปไกลแล้ว ยอมรับว่า ทำใจไม่ได้ ที่เรากำลังเป็นรองเวียดนาม แม้เราไม่ได้อิจฉาเวียดนาม และก็ไม่ได้ชื่นชมว่าจะดีหรือเก่งกว่าไทยไปทุกเรื่อง เพียงแต่อยากให้คนไทยเรียนรู้ข้อเท็จจริง เพื่อนำมาวางแผนสู้ พัฒนาชาติไทย ต้องไม่ยอมแพ้”ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวในที่สุด