จับคาผ้าเหลือง "อลัชชี" ตุ๋นทำพิธี "ต่อเงินต่อทอง" เหยื่อเชื่อสูญกว่า 5 แสน
ตำรวจกองปราบ รวบอดีตพระ หลอกชาวบ้าน นำของมีค่าใส่บาตร อ้างทำพิธี “เรียกทรัพย์ต่อเงินต่อทอง” จะได้คืนเป็นสิบเท่า เหยื่อหลงเชื่อหอบทองรูปพรรณใส่ เจ้าตัวอ้าง 7 วันเปิดได้ สุดท้ายเชิดทรัพย์หนีทองรูปพรรณร่วม 20 บาท
7 ก.ย. 2564 พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการกองปราบปราม ( ผบก.ป.) ได้สั่งการให้ชุดจับกุมเข้าจับกุม พระฐิตุเมโธ หรือนายนที (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับคดี “ฉ้อโกง” ยังต้องการตัว 5 หมายจับด้วยกัน โดยเป็นหมายจับ ของศาลจังหวัดพิจิตร ตั้งแต่ปี 2561 โดยจับกุมได้ที่บริเวณภายในวัดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา
อ่านข่าวที่น่าสนใจ
- รวบมือปืน ลำดับ 25 รัว 6 นัด เพื่อนร่วมงานดับ หนีกบดานนาน 6 ปี สุดท้ายไม่รอด
- "กองปราบ" ลุยจับเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์รายใหญ่ภาคใต้
- รวบ ดีเจ. หนุ่มชื่อดัง หนี "หมายจับ" คดีร่วมกันฆ่า นาน 10 ปี
สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปลายปี 2560 นายนที ได้อ้างตนเป็นพระสงฆ์ มีคาถาอาคม รับทำพิธีสะเดาะเคราะห์ ดูดวงให้กับประชาชน ในพื้นที่ อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ จนมีผู้นิมนต์ให้ไปทำพิธีสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาในพื้นที่ อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร โดยในพิธีดังกล่าวมีชาวบ้านเข้ามาร่วมพิธีหลายสิบคน เนื่องจากเข้าใจว่าผู้ต้องหาเป็นพระดัง ซึ่งเมื่อทำพิธีสะเดาะเคราะห์ ผู้ต้องหาได้ออกอุบายดูดวงพร้อมกับหลอกให้ชาวบ้านนำเอาของมีค่ามาใส่ไว้ในบาตร และทำพิธีกรรมร่ายมนต์คาถาห่อผ้าขาว เรียกทรัพย์ต่อเงินต่อทอง อ้างว่าหากใส่ทอง 5 บาท จะได้คืนเป็น 10 เท่า 1000 เท่า ชาวบ้านจึงนำเงินสด และสร้อยแหวนเงินทองมาใส่ไว้ แต่ผู้ต้องหากลับออกอุบายกับชาวอีกว่า ต้องห่อผ้าไว้ 7 วันถึงจะเปิดได้ แต่เมื่อครบกำหนด 7 วัน ผู้ต้องหากลับไม่นำของมาคืนให้กับชาวบ้าน ทางชาวบ้านจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่ สภ.วังทรายพูน จ.พิจิตร
จากการสืบสวนพบว่าจากการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีการการจับกุมไปจำวัดในหลายจังหวัด กระทั่งปี 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาได้มาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.โชคชัย จ.นครราชสีมาเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯจึงได้ติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติกรรมทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย อาศัยความศรัทธาของพี่น้องประชาชนมาหลอกลวงเอาทรัพย์สินไป เป็นภัยต่อสังคม
กระทั่งพบข้อมูลว่า ผู้ต้องหารายนี้ได้หลบหนีมาจำวัดอยู่ในพื้นที่ ต.ท่าเยี่ยม อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา จึงได้นำกำลังตำรวจชุดปฏิบัติการ ลงพื้นที่สืบสวนตรวจสอบจนพบตัวผู้ต้องหานั่งอยู่บริเวณหน้ากุฏิวัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.3 ต.ท่าเยี่ยม อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา จึงเข้าทำการจับกุม และพาไปทำการลาสิกขา ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.วังทรายพูน จ.พิจิตร ดำเนินคดี
สอบสวนเบื้องต้องผู้ต้องหาไม่ขอให้การในชั้นจับกุม สำหรับทรัพย์สินที่ผู้เสียหายถูกฉ้อโกงไป เป็นสร้อยคอทองคำและสร้อยข้อมือทองคำ รวมน้ำหนักร่วม 20 บาทประกอบด้วย
ทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกฉ้อโกง
1. สร้อยคำทองคำ ลายลูกโซ่ น้ำหนัก 6 บาท ราคา 120,000 บาท
2. สร้อยคำทองคำ ลายลูกโซ่ น้ำหนัก 2 บาท ราคา 40,000 บาท
3. สร้อยคำทองคำ ลายลูกโซ่ น้ำหนัก 2 สลึง ราคา 10,000 บาท
4. สร้อยข้อมือเลสทองคำ น้ำนัก 4 บาท ราคา 80,000 บาท
5. พระรูปหล่อหลวงพ่อคูณเหลี่ยมทอง น้ำหนัก 2 สลึง ราคา 10,000 บาท
6. สร้อยคำทองคำ ลายคตกิตทับลาย น้ำหนัก 2 สลึง จำนวน 2 เส้น ราคา 20,000 บาท
7. สร้อยคำทองคำ ลายลูกโซ่ น้ำหนัก 2 สลึง ราคา 10,000 บาท และ
8. สร้อยคำทองคำ น้ำหนัก 2 สลึง ราคา 10,000 บาท
9. สร้อยคำทองคำ น้ำหนัก 1 บาท ราคา 20,000 บาท
10 สร้อยคำทองคำ ลายผ่าหวาย น้ำหนัก 2 สลึง ราคา 10,000 บาท
11. สร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนัก 2 บาท จำนวน 2 เส้น ราคา 40,000 บาท
12 แหวนทองคำ น้ำหนัก 2 สลึง ราคา 10,000 บาท