ข่าว

ครม. ผ่าทางตัน "ดาวเทียมไทยคม" ให้ อินทัช ถือหุ้น 51%

ครม. ผ่าทางตัน "ดาวเทียมไทยคม" ให้ อินทัช ถือหุ้น 51%

07 ก.ย. 2564

คณะรัฐมนตรีไฟเขียว 3 ข้อผ่าทางตัน "ดาวเทียมไทยคม" ให้อินทัช ถือหุ้น 51% สั่ง วิษณุ ตั้งคณะทำงานสอบว่าการดำเนินการที่ผ่านมาสร้างความเสียหายอย่างไรบ้างและหาผู้รับผิดชอบ

 

 

ครม. เห็นชอบผลการพิจารณาแนวทางการดำเนินการตามสัญญากิจการดาวเทียมสื่อสารในประเทศ มอบ “วิษณุ เครืองาม” ตั้งคณะทำงานสอบข้อเท็จจริงการดำเนินการที่ผ่านมา เสียหายอย่างไร-กำหนดแนวทางแก้ไข-ผู้รับผิดชอบ เสนอ ครม. พิจารณาต่อไป
 

 

 

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกรัฐบาล กล่าวว่า คณรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบแนวทางการดำเนินการตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมซึ่งบริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)และปัจจุบันชื่อบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)

 

 

เป็นผู้ได้รับสัมปทานโครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ มีระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี จะสิ้นสุดสัญญาในวันที่ 10 กันยายน 2564
 

 

 

สำหรับแนวทางดำเนินการตามสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศมีรายละเอียด ดังนี้

 

 

1.กรณีการอนุมัติแก้ไขสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ(สัญญาฉบับที่ 5)เห็นควรให้ บมจ. อินทัช โฮลดิ้งส์ ถือหุ้นใน "บมจ. ไทยคม" ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 51 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด

 

 

และให้กระทรวงดิจิทัลฯ ดำเนินการแก้ไขสัญญาตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562  ทั้งนี้ เมื่อครั้งที่มีการแก้ไขสัญญาเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) ในปี 2547 ลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  (ปัจจุบันคือ บมจ. อินทัช โฮลดิ้งส์) ใน"บริษัท ไทยคม" จำกัด (มหาชน) จากไม่น้อยกว่าร้อย 51 เป็นไม่น้อยกว่าร้อยละ 40

 

 

ซึ่งต่อมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำวินิจฉัยว่า เป็นการกระทำที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ บมจ.ชินคอร์ปอเรชั่น และ "บมจ. ไทยคม" ผู้รับสัมปทานจากรัฐโดยไม่สมควร

 

 

การที่สัญญาหลักระบุให้บริษัทต้องถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด เป็นไปเพื่อให้บริษัทคู่สัญญามีอำนาจควบคุมการบริหารจัดการอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นคงในการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมของรัฐ

 

 

2.กรณีการอนุมัติโครงการดาวเทียมไทยคม 4 (ไอพีสตาร์) เห็นควรให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมสัญญา โดยกำหนดให้ดาวเทียมไทยคม 4 (ไอพีสตาร์) ผนวกเข้ามาเป็นดาวเทียมภายใต้สัญญา และดำเนินการแก้ไขสัญญาตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562

 

 

3.ครม. เห็นชอบให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ดำเนินการตั้งคณะทำงานในการตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงการดำเนินการที่ผ่านมา ว่าเกิดความเสียหายอย่างไรบ้าง  พร้อมทั้งกำหนดแนวทางแก้ไขและผู้รับผิดชอบเพื่อเสนอ ครม. พิจารณาต่อไป