เสี่ยเจ้าของธุรกิจอุปกรณ์ก่อสร้าง ย่านคลองถม ร้อง "ปอท." โดนขบวนการซื้อขาย "ใบกำกับภาษี" ปลอมสวมรอยขอคืนส่วนต่าง พบหลักฐาน 47 รายการ เสียหายกว่า 100 ล้าน
9 ก.ย. 2564 ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นายพรเทพ เห็นศิริกุล หรือ "เฮียเม้ง คลองถม" อายุ 70 ปี ประธานบริษัท นครทอง แมชชีน 2552 จำกัด ทำธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องมือก่อสร้าง พร้อมด้วยทนายความ นำหลักฐานเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอท. ให้ดำเนินคดีกับขบวนการซื้อขาย "ใบกำกับภาษี" ปลอม ผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ ทำให้ความเสียหายมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
อ่านข่าวที่น่าสนใจ
- เผลอแป๊บเดียว ผู้ต้องหา "สะเดาะกุญแจห้องขัง" โรงพักบันนังสตาหนีลอยนวล
- "ปอท." เตือนคนแปลกหน้า "แท็กเฟซบุ๊ก" แฝงลิ้งลวงอาจโดนแฮกข้อมูลได้
- ตร.แนะ 12 ข้อ ป้องกัน "ภัยไซเบอร์" ก่อนตกเป็นเหยื่อแก๊ง "แฮกเกอร์"
ด้าน ทนายความของพรเทพ เปิดเผยว่า ผู้เสียหายถูกขบวนการซื้อขาย "ใบกำกับภาษี" ปลอมผ่านแอปฯไลน์ มีกลุ่มบริษัทได้ซื้อและนำไปยื่นกรมสรรพากร เพื่อขอรับเงินส่วนต่างขอคืนภาษีจนสร้างความเสียหายให้กับบริษัท ถึง 47 ครั้ง ที่พบหลักฐาน จึงได้รวบรวมหลักฐานเอาผิดกับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
นอกจากนี้แล้วยังได้ทดลองล่อซื้อ "ใบกำกับภาษี" จากเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งมูลค่าสินค้าวัสดุก่อสร้าง ประเภท หิน ปูน ทราย ราคา 4 หมื่นกว่าบาท ได้ใบกำกับภาษีปลอมส่งมาให้ในราคาที่จ่ายเงินจริง 1,400 กว่าบาทเท่านั้น
นายพรเทพ ผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนรู้เรื่องที่ บ.นครทองฯ ถูกปลอมใบกำกับภาษีตั้งแต่ปี 58-59 เพราะสรรพกรเขตพลับพลาไชย สอบถามมาที่บริษัท ซึ่งขายแต่เครื่องมือก่อสร้าง แต่รายละเอียดในใบกำกับภาษีปลอมลงเป็นวัสดุ ประเภท อิฐ หิน ทราย ที่บริษัทนครทอง ไม่ได้จำหน่าย จึงได้พยายามแจ้งความตำรวจให้ดำเนินคดีมาโดยตลอด
จากการตรวจสอบบริษัทถูกขบวนการขาย "ใบกำกับภาษี" ปลอมดังกล่าวแอบอ้างไปยื่นกรมสรรพากร มากว่า 5 ปี แล้ว สร้างความเสียหายอย่างหนัก โดยบริษัทได้มีการล่อซื้อใบกำกับภาษีปลอมจากช่องทางไลน์ และนำหลักฐานไปยื่นหลายหน่วยงาน ตนเคยแจ้งความตำรวจ สน.พลับพลาไชย เมื่อปี 2559 คดีไม่มีความคืบหน้า และเมื่อเดือน เม.ย.64 ได้ไปแจ้งกองบังคับการปราบปรามแต่ก็ไม่มีดำเนินการเช่นกัน วันนี้จึงมาร้อง ปอท. ช่วยตรวจสอบเอาผิดขบวนการกันโกงภาษี ทั้งหมดตามมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
เบื้องต้น พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่าในส่วนผู้เสียหายถูกแอบอ้าง ยังไม่เข้าความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ก่อนจะรวบรวมหลักฐานประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง